ระดับ: ผู้ดูแลระบบ
 
UID: 1
สำคัญ:
3
โพส: 5656
เงิน: 5667 บาท
ความดี: 3560 แต้ม
เครดิต: 2230 แต้ม
จิตพิสัย: 0 แต้ม
ออนไลน์ล่าสุด: 1 (ช.ม.)
สมัครเมื่อ: 2010-09-11
ใช้งานล่าสุด: 2024-08-01
|
1. พล.ต.ท.เฉลิม อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ได้ลาออกจากการเป็นข้าราชการตำรวจมาเป็นระยะเวลา 1 ปีเศษ เพื่อเตรียมตัวลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา อย่างไรก็ตามต่อมาได้มีการรับสมัครคัดเลือก ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา 30 (2) (ก) และพล.ต.ท.เฉลิมได้ลงสมัครเพื่อรับเลือกเป็น ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ และได้รับเลือกโดยได้คะแนนมาเป็นลำดับ 6 รองจาก พล.ต.ท.อภิสิทธิ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 หลังจาก พล.ต.ท.อภิสิทธิ์ ได้เป็น ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิมา 2 ปีเศษ ก็ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง
ข้อใดต่อไปนี้กล่าวถูกต้อง
1) พล.ต.ท.อภิสิทธิ์ สามารถดำรงตำแหน่ง ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ ต่อไปได้ เพราะการลงสมัครรับ เลือกตั้งดังกล่าว
แต่ไม่ได้รับเลือกไม่ทำให้พ้นจากตำแหน่ง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ
2) พล.ต.ท.เฉลิมมีสิทธิเป็น ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิแทน กรณีที่ พล.ต.ท.อภิสิทธิ์พ้นจากตำแหน่งแต่ จะต้องอยู่ในตำแหน่งเท่าวาระที่เหลือของ พล.ต.ท.อภิสิทธิ์ และพล.ต.ท.เฉลิม ไม่มีสิทธิ์ได้รับ เลือกเป็น ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิในสมัยถัดมาได้อีก
3) หลักเกณฑ์ และวิธีการเลือก ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิดังกล่าวข้างต้นต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนดใน กฎ ก.ตร.
4) ข้อ 2) และ 3) ถูก
2. พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ ตำแหน่งพนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สถานีตำรวจภูธร อำเภอโคกสะอาดได้ยื่นหนังสือลาออกจากราชการต่อ พ.ต.อ.จตุพร ผู้กำกับการฯ ในฐานะผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปอีกชั้นหนึ่งในวันที่ 31 มีนาคม 2547 เพื่อสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกสะอาด อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.วีระ ผู้บังคับการ ในฐานะผู้มีอำนาจตามมาตรา 72 เห็นว่ามีความจำเป็นเพื่อประโยชน์ของราชการจึงได้ยับยั้งการลาออกไว้เป็นเวลา 1 เดือนแต่ก่อนที่จะยื่นหนังสือลาออก 7 วัน พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ มีเรื่องที่อาจถูกสืบสวนหรือสอบสวนว่ามีการกระทำผิดวินัย แต่ก็ได้มีการลาออกก่อนที่จะมีการดำเนินการสืบสวนหรือสอบสวน ต่อมา พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ ได้กลับเข้ารับราชการใหม่โดยถูกต้องตามระเบียบราชการในวันที่ 30 มีนาคม 2552 และพ.ต.อ.จักรภพ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอโคกสะอาด ซึ่งเพิ่งย้ายเข้ามารับตำแหน่งได้เพียง 7 วัน ก็ได้มีคำสั่งให้ดำเนินการทางวินัยโดยการสืบสวน หรือสอบสวนเพิ่มเติมต่อไป กับพ.ต.ท.ณัฐวุฒิ
ดังนี้ข้อใดต่อไปนี้กล่าว ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับข้อเท็จจริงข้างต้น
(1) การลาออกของ พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ มีผลตั้งแต่พ้นกำหนด 1 เดือนนับแต่วันที่ พล.ต.ต.วีระ ได้ยับยั้งการลาออก
(2) พ.ต.อ.จักรภพ ไม่มีอำนาจสั่งให้มีการดำเนินการสืบสวนหรือสอบสวนทางวินัยแก่ พ.ต.ท.ณัฐวุฒิเพราะไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจตามมาตรา 72
(3) พ.ต.อ.จักรภพ ไม่มีอำนาจสั่งให้มีการดำเนินการสืบสวน หรือสอบสวนทางวินัยแก่ พ.ต.ท.ณัฐวุฒิเพราะเป็นการกลับเข้ารับราชการเกิน 3 ปี ขึ้นไปนับจากวันออกจากราชการ
(4) พล.ต.ต.วีระไม่มีอำนาจยับยั้งการลาออกของ พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ เพราะเป็นการลาออกเพื่อสมัครรับเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่น
1) ถูกเฉพาะข้อ (1) และ (2) 2) ถูกเฉพาะข้อ (2) และ (3) 3) ถูกเฉพาะข้อ (1) (2) และ (3) 4) ไม่มีข้อใดถูก
3. ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของ ก.ต.ช. โดยตรง
(1) การกำหนดจำนวนตำแหน่งข้าราชการตำรวจระดับผู้พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ หรือเทียบเท่าขึ้นไป
(2) กำหนดวัน เวลาทำงาน วันหยุดราชการตามประเพณี วันหยุดราชการประจำปี และการลาหยุดราชการของ ข้าราชการตำรวจ นอกเหนือจากที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
(3) กำหนดกระบวนการและขั้นตอนในการกระจายอำนาจระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับตำรวจภูธรจังหวัดและราชการส่วนท้องถิ่นในกรณีเห็นว่ามีความจำเป็นและเหมาะสม
1) ถูกเฉพาะข้อ (1) 2) ถูกเฉพาะข้อ (2) 3) ถูกเฉพาะข้อ (3) 4) ไม่มีข้อใดถูก
4. ข้อใดต่อไปนี้กล่าวไม่ถูกต้อง
(1) การลงโทษกักยาม ได้แก่ การกักตัวไว้ในบริเวณใดบริเวณหนึ่งที่สมควรตามที่จะกำหนด และให้ทำงานโยธา หรืองานอื่นของทางราชการด้วย แต่ต้องไม่เกิน 6 ชั่วโมง ต่อ 1 วัน
(2) ส.ต.ต.หญิง วุ้นเส้น ถูกสั่งให้พักราชการ ดังนี้ ส.ต.ต.
หญิงวุ้นเส้น มีสิทธิ์อุทธรณ์ต่อ ก.ตร. ได้ แม้ไม่ใช่โทษทางวินัยก็ตาม
(3) การร้องทุกข์อาจร้องทุกข์โดยตรงต่อ ก.ตร. โดยไม่ผ่านผู้บังคับบัญชาก็ได้
1) ถูกเฉพาะข้อ (1) 2) ถูกเฉพาะข้อ (2) 3) ถูกเฉพาะข้อ (1) และ (2) 4) ไม่มีข้อใดถูก
5. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นหัวหน้าส่วนราชการข้อใดต่อไปนี้ กล่าวไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
1) เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของข้าราชการตำรวจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
2) วางระเบียบ หรือทำคำสั่งเฉพาะเรื่องไว้ให้ข้าราชการตำรวจ หรือพนักงานสอบสวนปฏิบัติการเกี่ยวกับการใช้อำนาจหรือการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา หรือกฎหมายอื่น
3) รับผิดชอบควบคุมราชการประจำในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำหนดแนวทางและแผนการปฏิบัติราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และลำดับความสำคัญของแผนการปฏิบัติราชการ ประจำปี ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เป็นไปตามนโยบาย และแนวทางการปฏิบัติราชการที่นายกรัฐมนตรีและ ก.ต.ช. กำหนดรวมทั้งกำกับ เร่งรัด ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
4) ไม่มีข้อใดถูก
6. ข้าราชการตำรวจอาจได้รับเงินเพิ่มพิเศษรายเดือนและเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวตามภาวะเศรษฐกิจตามหลักเกณฑ์ใด
1) คณะรัฐมนตรีกำหนด : ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
2) คณะรัฐมนตรีกำหนด : ก.ตร.กำหนด
3) ก.ตร.กำหนด : คณะรัฐมนตรีกำหนด
4) เป็นพระราชกฤษฎีกา : คณะรัฐมนตรีกำหนด
7. การสั่งให้รักษาราชการแทนให้มีผลตั้งแต่เมื่อใด
1) นับแต่เวลาที่ผู้ได้รับแต่งตั้งเข้ารับหน้าที่
2) นับแต่เวลาที่ผู้ได้รับแต่งตั้งทราบคำสั่งให้รักษาราชการแทน
3) นับแต่เวลาที่ผู้รักษาราชการแทนเซ็นรับทราบ
4) นับแต่เวลาที่ผู้รักษาราชการแทนเข้าถึงที่ทำงาน
8. การสั่งให้ออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จบำนาญเหตุทดแทนนอกจากให้ทำได้ในกรณีที่ระบุไว้ในมาตราอื่นแห่ง พ.ร.บ.นี้แล้วให้ทำได้ในกรณีใดดังต่อไปนี้
1) เจ็บป่วยจนไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ราชการของตนได้เป็นครั้งคราว
2) สมัครไปปฏิบัติงานใดๆ ตามความประสงค์ของทางราชการ
3) การลาออกจากตำแหน่งหน้าที่ราชการ เพื่อประสงค์ไปรับสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกรัฐสภา
4) ข้อ 1) และข้อ 2) ถูกต้อง
9. การที่ข้าราชการตำรวจจะถูกแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตาม มาตรา 101 เช่นกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่าหย่อนความสามารถในอันที่จะปฏิบัติหน้าที่ราชการอันเป็นเหตุที่จะถูกสั่งให้ออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จบำนาญเหตุทดแทนได้นั้น ดังนี้ผู้มีอำนาจสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนในกรณีที่เห็นว่ามีมูลคือผู้บังคับบัญชาตำแหน่งใด
1) ผู้กำกับการหรือเทียบเท่าขึ้นไป 2) ผู้บังคับการหรือเทียบเท่าขึ้นไป 3) ผู้บังคับบัญชาตามที่กำหนดในระเบียบ ก.ตร.
4) ถูกทุกข้อ
10. เว้นแต่กรณีที่พ้นจากตำแหน่งเพราะความตาย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะพ้นจากราชการได้ในกรณีใด
1) มีพระบรมราชการโองการให้พ้นจากตำแหน่ง
2) นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงทราบ
3) นายกรัฐมนตรีลงนามคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง
4) ข้อ 1) และ 2) ถูก
11. กรณีถูกสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ หรือทัณฑกรรม กฎหมายเปิดโอกาสให้ร้องทุกข์คำสั่งได้หรือไม่ และหลักเกณฑ์และวิธีการร้องทุกข์ เหตุแห่งการร้องทุกข์ และการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์ให้เป็นไปตามที่กำหนดใน____________________
1) ไม่ได้ เพราะเป็นกรณีที่มีสิทธิ์อุทธรณ์ : กฎ ก.ตร.
2) ไม่ได้ เพราะเป็นกรณีที่มีสิทธิ์อุทธรณ์ : ระเบียบ ก.ตร.
3) ได้ เพราะกฎหมายไม่มีข้อยกเว้นใดๆ : กฎ ก.ตร.
4) ได้เพราะกฎหมายไม่มีข้อยกเว้นใดๆ : ระเบียบ ก.ตร.
12. ในการสืบสวนข้อเท็จจริง ถ้าเห็นว่ากรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัย ให้ดำเนินการต่อไปอย่างไร
(1) นำสำนวนการสืบสวนข้อเท็จจริงมาพิจารณา ถ้าข้าราชการตำรวจผู้ใดกระทำผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ให้ผู้บังคับบัญชาสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ ทัณฑกรรม กักยาม กักขัง หรือตัดเงินเดือนตามควรแก่กรณีให้เหมาะสมกับความผิด
(2) ถ้าข้าราชการตำรวจถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงให้ผู้บังคับบัญชาแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นทำการสอบสวน
(3) ในการสอบสวนต้องแจ้งข้อกล่าวหา และสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาเท่าที่มีให้ ผู้ถูกกล่าวหาทราบโดยจะต้องระบุชื่อพยานเท่าที่มีด้วย
1) ถูกเฉพาะข้อ (1) 2) ถูกเฉพาะข้อ (2) 3) ถูกเฉพาะข้อ (1) และ (2) 4) ถูกทุกข้อ
13. ในกรณีที่ผู้บังคับบัญชาได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นทำการสอบสวนผู้ถูกกล่าวหาตามข้อกล่าวหา ซึ่งหย่อนความสามารถในอันที่จะปฏิบัติหน้าที่ราชการ บกพร่องในหน้าที่ราชการหรือประพฤติตนไม่เหมาะสมกับตำแหน่งในอันที่จะปฏิบัติหน้าที่ราชการและผลการสอบสวนปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ผู้บังคับบัญชาต้องดำเนินการอย่างไร
(1) สั่งการตามผลการสอบสวนโดยไม่ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนหรือดำเนินการสอบสวนใหม่แต่ทั้งนี้ต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงและนำสืบแก้ข้อกล่าวหาได้ด้วย
(2) พิจารณาลงโทษตามความเหมาะสม โดยไม่ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวน หรือดำเนินการสอบสวนใหม่
(3) ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวน หรือดำเนินการสอบสวนใหม่ แต่ทั้งนี้ต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงและนำสืบแก้ข้อกล่าวหาได้ด้วย
1) ถูกเฉพาะข้อ (1) 2) ถูกเฉพาะข้อ (2) 3) ถูกเฉพาะข้อ (1) และ (2) 4) ถูกทุกข้อ
14. ในกรณีที่ผู้บังคับบัญชาสั่งลงโทษ หรืองดโทษข้าราชการตำรวจผู้กระทำผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงไปแล้วแต่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เห็นว่ากรณีนั้นเป็นการกระทำผิดอย่างร้ายแรง จะต้องดำเนินการอย่างไร
1) ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีอำนาจดำเนินการตามการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง
2) ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีอำนาจสั่งให้ผู้บังคับบัญชาที่สั่งลงโทษ หรืองดโทษ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนใหม่
3) ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตั้งคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองเสนอ
4) ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนและสอบสวนใหม่
15. การแต่งตั้งยศตำรวจชั้นสัญญาบัตรให้เป็นไปตาม__________________และให้ทำโดย__________________
1) หลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎ ก.ตร. - ประกาศพระบรมราชโองการ
2) หลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในระเบียบ ก.ตร. - ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
3) หลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎ ก.ตร. - ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
4) หลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในระเบียบ ก.ตร. - ประกาศพระบรมราชโองการ
16. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง
1) พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ เมื่อดำรงตำแหน่งเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่าสามปีและได้รับเงินเดือนถึงขั้นต่ำของระดับ ส. 5 อีกทั้งได้ผ่านการประเมินแล้วให้ผู้นั้นเป็นพนักงานสอบสวนผู้เชี่ยวชาญ
2) ตำแหน่งรองผู้บังคับการ และพนักงานสอบสวนผู้เชี่ยวชาญ ให้แต่งตั้งจากข้าราชการตำรวจยศพันตำรวจเอกหรือพันตำรวจเอกซึ่งได้รับอัตราเงินเดือนพันตำรวจเอก (พิเศษ)
3) ข้าราชการตำรวจยศพลตำรวจเอกให้ได้รับเงินเดือนระดับ ส.8 โดยได้รับขั้นต่ำของ ส.8 แต่ถ้าจะให้รับสูงกว่า หรือต่ำกว่าระดับ ส.8 ต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
4) ไม่มีข้อใดถูก
17. การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ผู้กำกับการลงมา ไม่สูงกว่าตำแหน่งเดิมในกองบัญชาการที่มิได้สังกัด สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นอำนาจของใคร
1) ผู้บังคับการ 2) ผู้บัญชาการ 3) ผู้บังคับการโดยความเห็นของผู้บัญชาการ 4) ผบ.ตร. และผู้บัญชาการที่เกี่ยวข้อง
18. ให้________แต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบข้าราชการตำรวจผู้มีสิทธิ์ดำรงตำแหน่งตามมาตรา 44 (2) ถึง (10) โดยคณะกรรมการคัดเลือกดังกล่าวอย่างน้อยต้องประกอบไปด้วย________นั้นทุกคน
1) ก.ตร. – รองหัวหน้าหน่วยงาน 2) สตช. – หัวหน้าหน่วยงาน 3) ก.ต.ช. – รองหัวหน้าหน่วยงาน 4) ก.ตร. – หัวหน้าหน่วยงาน
19. ข้อใดต่อไปนี้กล่าวถูกต้องเกี่ยวกับ กฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2547
(1) กฎ ก.ตร. ฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว 60 วัน
(2) กฎ ก.ตร. ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์ที่จะประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผล การปฏิบัติ ราชการของข้าราชการตำรวจบนพื้นฐานของผลสำเร็จและผลสัมฤทธิ์ของงานเป็นหลัก
(3) การประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการตำรวจต้องประเมินจากผลงานและ คุณลักษณะของผู้ปฏิบัติราชการ
1) ถูกเฉพาะข้อ (1) 2) ถูกเฉพาะข้อ (2) 3) ถูกเฉพาะข้อ (3) 4) ถูกทุกข้อ
20. ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่องค์ประกอบที่ใช้ในการประเมินคุณลักษณะผู้ปฏิบัติราชการโดยตรง
1) การประหยัดทรัพยากร หรือความคุ้มค่า 2) การรักษาวินัย 3) ความคิด ริเริ่ม การสร้างสรรค์ 4) ไม่มีข้อใดถูก
21. ข้อใดต่อไปนี้กล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับกฎ ก.ตร.ว่าด้วยประมวลจริยธรรม และจรรยาบรรณของตำรวจ พ.ศ. 2551
(1) ออกโดยอาศัยอำนาจรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
(2) มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหกสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
(3) ถ้าข้าราชการตำรวจคนใด พบข้าราชการตำรวจคนหนึ่งคนใดละเมิด ฝ่าฝืน ประมวลจริยธรรม และจรรยาบรรณของตำรวจ ต้องรายงานต่อผู้บังคับบัญชาเหนือหน่วยงานที่ตนสังกัดได้อย่างน้อยสามลำดับชั้น
1) ถูกเฉพาะข้อ (1) 2) ถูกเฉพาะข้อ (2) 3) ถูกเฉพาะข้อ (1) และ (2) 4) ไม่มีข้อใดถูก
22. ข้อใดกล่าวถูกต้องตามประมวลจริยธรรม และจรรยาบรรณของตำรวจ พ.ศ.2551
(1) “จริยธรรมของตำรวจ” เป็นเครื่องเหนี่ยวรั้งให้ข้าราชการตำรวจอยู่ในกรอบของศีลธรรม และคุณธรรมขณะเดียวกันก็เป็นแนวทางชี้นำให้ข้าราชการตำรวจบรรลุถึงปณิธานของการเป็น ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
(2) ข้าราชการตำรวจคนใดละเมิด ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมจะต้องรายงานต่อผู้บังคับบัญชาเป็นหนังสือภายใน 3 วันนับแต่วันละเมิด ฝ่าฝืนฯ
(3) ข้าราชการตำรวจต้องปฏิบัติตาม “ค่านิยมหลัก” 9 ประการของมาตรฐานจริยธรรมสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนด
1) ถูกเฉพาะข้อ (1) 2) ถูกเฉพาะข้อ (2) 3) ถูกเฉพาะข้อ (3) 4) ไม่มีข้อใดถูก
23. ส.ต.ท.ก้อง ผู้บังคับหมู่ สน.พรีเมียร์ถูกกล่าวหาว่าทุจริตต่อหน้าที่หากผู้บังคับบัญชาจะตั้งผู้สืบสวนข้อเท็จจริง หรือคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงต้องมีระดับชั้นยศใด
1) ร.ต.ต.ขึ้นไป 2) ร.ต.อ.ขึ้นไป 3) พ.ต.ต.ขึ้นไป 4) สารวัตรเท่านั้น
24. หาก ส.ต.ท.ก้องต้องการจะชี้แจงข้อเท็จจริงเมื่อได้รับคำสั่งตั้งคระกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงแล้วต้องชี้แจงต่อใคร
1) ผบ.ตร. 2) ผู้กำกับการพรีเมียร์ 3) ประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง 4) ก.ตร.
25. หากผลการสืบสวนข้อเท็จจริงมีมูลว่า ส.ต.ท.ก้องกระทำความผิดทุจริตต่อหน้าที่จริง ผู้บังคับบัญชาต้องดำเนินการอย่างไร
1) ปลดออก หรือไล่ออก 2) ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน หรือลดขั้นเงินเดือน 3) ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง
4) แล้วแต่ดุลพินิจ
คอร์ส DVD+เอกสาร:สอบนายสิบตำรวจปี 2554 พ.ร.ฎ.บริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีฯ
26. ก่อนจะดำเนินการตามภารกิจใด ส่วนราชการต้องทำอย่างไร
1) จัดให้มีการศึกษา วิเคราะห์ผลดีและผลเสียให้ครบถ้วนทุกด้าน 2) ส่วนราชการต้องจัดทำแผนปฏิบัติราชการไว้ล่วงหน้า
3) ส่วนราชการต้องรายงานไปยัง ก.พ.ร. 4) ส่วนราชการต้องเสนอภารกิจดังกล่าวให้รัฐมนตรีเห็นชอบ
27. แผนนิติบัญญัตินั้น ต้องให้........................เห็นชอบจึงจะมีผลผูกพันส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามนั้น
1) คณะรัฐมนตรี 2) รัฐมนตรี 3) ก.พ.ร. 4) สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง ก.พ.ร.
28. ในกรณีที่กฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณกำหนดให้ส่วนราชการจัดทำแผนปฏิบัติเพื่อขอรับงบประมาณให้............และ............ร่วมกันกำหนดแนวทางการจัดทำแผน
1) ก.พ.ร. , ส่วนราชการ 2) ก.พ.ร. , ครม. 3) สำนักงบประมาณ , ก.พ.ร. 4) กรมบัญชีกลาง , ก.พ.ร.
29. เพื่อให้การปฏิบัติราชการภายในส่วนราชการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ให้ส่วนราชการดำเนินการอย่างไร
1) กำหนดเป้าหมายแผนการทำงานระบุเวลาแล้วเสร็จ 2) กำหนดงบประมาณที่จะต้องใช้ในแต่ละงานหรือโครงการ
3) ต้องเผยแพร่ให้ข้าราชการและประชาชนทราบทั่วกัน 4) ถูกทุกข้อ
30. การประเมินความคุ้มค่าในการปฏิบัติภารกิจนั้น ตามระยะเวลาที่.............กำหนด
1) ครม. 2) รมต. 3) ก.พ.ร. 4) ส่วนราชการ
31. ให้..........ทบทวนภารกิจตามที่...........กำหนดเวลา
1) ส่วนราชการ , ก.พ.ร. 2) ส่วนราชการ , ครม. 3) ส่วนราชการ , รมต. 4) ก.พ.ร. , ครม.
32. ในกรณีที่ส่วนราชการเห็นควรยกเลิก ปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงภารกิจให้ส่วนราชการดำเนินการปรับปรุงอำนาจหน้าที่ โครงสร้าง ของส่วนราชการให้สอดคล้องกัน ต้องเสนอใคร?
1) เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบเพื่อดำเนินการต่อไป
2) เสนอรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบเพื่อดำเนินการต่อไป
3) เสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบเพื่อดำเนินการต่อไป
4) เสนอ ก.พ.ร. พิจารณาให้ความเห็นชอบเพื่อดำเนินการต่อไป
33. ในกรณีที่ ก.พ.ร. พิจารณาแล้วเห็นว่าภารกิจของรัฐที่ส่วนราชการใดรับผิดชอบดำเนินการอยู่ สมควรยกเลิก ปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงให้เสนอ........เห็นชอบ
1) รมต. 2) ส่วนราชการ 3) ครม. 4) ครม.และส่วนราชการ
34. ส่วนราชการคำนึงถึงหลักใดในการที่จะสำรวจ ตรวจสอบ และทบทวนกฎหมายหรือข้อบังคับให้ใหม่และทันสมัยอยู่เสมอ?
1) คำนึงถึงความสะดวกรวดเร็วและลดภาระของประชาชนเป็นสำคัญ 2) คำนึงถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นสำคัญ
3) คำนึงถึงเสรีภาพของประชาชนเป็นสำคัญ 4) คำนึงถึงความเสมอภาคของประชาชนเป็นสำคัญ
35. การทบทวนภารกิจ การทบทวนกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ เป็นการบริหารราชการแบบใด?
1) ลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน 2) การปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการ
3) มีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ 4) เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ
36. กรณีส่วนราชการใดมิได้มีการประกาศระยะเวลาแล้วเสร็จของงานบริการประชาชนหรือติดต่อประสานงานระหว่างส่วนราชการด้วยกัน และ...........เห็นว่าสามารถกำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จได้ สามารถที่จะกำหนดให้ส่วนราชการต้องปฏิบัติก็ได้
1) รมต. 2) ครม. 3) กรมบัญชีกลาง 4) ก.พ.ร.
37. การร้องเรียน หรือเสนอแนะส่วนราชการ นอกจากจะแจ้งมายังส่วนราชการที่ออกกฎ ระเบียบให้ส่วนราชการอื่นแล้ว สามารถที่จะแจ้งผ่านหน่วยงานใดได้อีก?
1) แจ้งผ่าน ก.พ.ร. ได้ 2) แจ้งผ่านสำนักนายกฯ ได้ 3) แจ้งผ่าน รมต. ได้ 4) แจ้งผ่านทางไปรษณีย์ลงทะเบียนได้
38. การปฏิบัติราชการในเรื่องใด ๆ โดยปกติให้ถือว่าเป็นเรื่องเปิดเผย เว้นแต่ข้อใด?
1) เพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของประเทศ
2) เพื่อความจำเป็นต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ การรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน
3) การคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคล จึงให้กำหนดเป็นความลับได้เท่าที่จำเป็น 4) ถูกทุกข้อ
39. การจัดสรรเงินรางวัลให้ข้าราชการในสังกัด เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ผู้ใดกำหนด?
1) ก.พ.ร. 2) ครม. 3) รมต. 4) รมว.
40. ตามข้อ 14. โดยความเห็นชอบของผู้ใด?
1) ก.พ.ร. 2) ครม. 3) รมต. 4) รมว.
กฎหมายอาญา
41. นายกู๋เช่าบ้านไม้สักของนายก้องเป็นที่อยู่อาศัย ในระหว่างนายก้องเดินทางไปต่างประเทศ นายกู๋เล่นการพนันเสียจึงแอบเอาแจกันลายครามซึ่งอยู่ในห้องรับแขกของนายก้องไปขาย คืนวันหนึ่งของเดือนต่อมา นายกู๋ได้ใช้ชะแลงงัดฝาบ้านของนายก้องออกมาหลายแผ่น แล้วนำแผ่นกระดานไม้สักไปขายให้แก่ร้านค้าไม้ซึ่งอยู่ติดกับบ้านเช่า เมื่อนายก้องกลับมาถึง นายกู๋บอกกับนายก้องว่ามีขโมยแอบมางัดฝาบ้านไปหลายแผ่น ดังนี้ข้อใดถูก
1) นายกู๋มีความผิดฐานฉ้อโกง กรณีของแผ่นกระดานไม้สัก
2) นายกู๋มีความผิดฐานลักทรัพย์ กรณีของแผ่นกระดานไม้สัก
3) นายกู๋มีความผิดฐานยักยอก กรณีของแผ่นกระดานไม้สัก
4) นายกู๋มีความผิดฐานลักทรัพย์ กรณีของแจกันลายครามในห้องรับแขก
42. ระหว่างที่นายกล้ากับนายกอล์ฟเดินเล่นอยู่ในสวนจตุจักร นายกล้าเหลือบไปเห็นนายก้องทำนาฬิกาหล่นจึงรีบเดินเข้าไปเก็บ โดยนายกอล์ฟไม่คาดคิดมาก่อนว่านายกล้าจะทำเช่นนั้น ส่วนนายก้องเมื่อเดินไปได้ไม่ไกลทราบว่านาฬิกาหล่นหายไปจึงเดินกลับมายังจุดที่นายกล้าและนายกอล์ฟยืนอยู่ เมื่อนายกล้าเห็นนายก้องเดินกลับมาจึงได้ส่งนาฬิกาให้นายกอล์ฟนำออกไปจากบริเวณนั้น เมื่อนายก้องเดินมาถึงสอบถามว่านายกล้าเห็นนาฬิกาหรือไม่ นายกล้าตอบว่าไม่เห็น แล้วมองตามหลังนายกอล์ฟไป นายก้องเชื่อว่านายกอล์ฟเอานาฬิกาไป จึงวิ่งตามไปและร้องตะโกนว่า “ขโมย ๆ” นายกอล์ฟจึงชกปากนายก้องอย่างแรงแล้วหนีไป ปรากฏว่านายก้องปากแตก ดังนี้ข้อใดถูก
1) การกระทำของนายกล้าเป็นการยักยอกทรัพย์สินหาย
2) การกระทำของนายกล้าเป็นความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์
3) การกระทำของนายกอล์ฟมีความผิดฐานชิงทรัพย์
4) การกระทำของนายกล้ามีความผิดฐานลักทรัพย์
43. นายกู๋หลงรักนางสาวหญิง แต่นางสาวหญิงไม่สนใจ คืนวันหนึ่งนายกู๋เดินผ่านหน้าบ้านนางสาวหญิงเห็นนางสาวหญิงอยู่บ้านคนเดียวจึงเข้าไปหาเพื่อจะลวนลาม นางสาวหญิงตกใจร้องเรียกให้คนช่วย นายกู๋จึงขู่ไม่ให้ร้อง มิฉะนั้นจะฆ่าให้ตาย นางสาวหญิงกลัวจึงหยุดร้อง แต่ในขณะนั้นเองสร้อยข้อมือที่นางสาวหญิงใส่อยู่ขาดตกลงบนพื้น นายกู๋เห็นสร้อยข้อมือของนางสาวหญิงตก จึงก้มลงหยิบแล้วหลบหนีไป ดังนี้ นายกู๋มีความผิดฐานใดหรือไม่
1) นายกู๋มีความผิดฐานชิงทรัพย์ 2) นายกู๋มีความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์
3) นายกู๋มีความผิดฐานลักทรัพย์ 4) นายกู๋มีความผิดฐานยักยอกทรัพย์
44. นายกู๋ต้องการขโมยร่มของนายแท่ง แต่ไม่มีโอกาสที่จะไปหยิบร่มนั้นด้วยตนเอง นายกู๋จึงไปหลอกนายกอล์ฟ ว่าร่มของนายแท่งเป็นของนายกู๋ ขอให้นายกอล์ฟช่วยหยิบส่งมาให้โดยจะให้เงินค่าจ้าง นายกอล์ฟหลงเชื่อจึงหยิบร่มของนายแท่งส่งให้แท่งนายกู๋ แล้วนายกู๋ก็เอาร่มนั้นไป ดังนี้ นายกอล์ฟและนายกู๋มีความผิดฐานใดหรือไม่
1) นายกอล์ฟมีความผิดฐานลักทรัพย์ 2) นายกู๋เป็นผู้ใช้ให้นายกอล์ฟกระทำความผิดฐานลักทรัพย์
3) นายกู๋เป็นตัวการร่วมในการลักทรัพย์ของนายกอล์ฟ 4) นายกอล์ฟไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์
45. นายยอดประสงค์จะเช่าซื้อรถยนต์คันหนึ่งจากบริษัทยานยนต์ จำกัด ซึ่งตนสามารถเช่าซื้อได้ในราคาถูก จึงชวนนายยิ่งให้ไปเช่าซื้อรถยนต์คนละคัน เพราะทราบมาว่านายยิ่งต้องใช้รถยนต์รับส่งลูกไปโรงเรียน ขณะนั้นนายยิ่งเพิ่งเสียการพนันเป็นเงินจำนวนมาก เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงแกล้งตอบตกลงและไปทำสัญญา โดยนายยอดไม่ทราบความในใจของนายยิ่งว่าโดยใจจริงแล้วไม่คิดจะเช่าซื้อเลย ต่อมาเมื่อได้รับมอบรถยนต์ตามสัญญาแล้ว นายยิ่งก็นำรถยนต์ไปขายให้นายกู๋ทันที ส่วนนายยอดเอง เมื่อผ่อนชำระราคาเช่าซื้อได้เพียง 8 งวด ก็ไม่สามารถผ่อนส่งต่อไปได้ จึงแอบนำรถยนต์ไปขายให้นายกอล์ฟแล้วหลบหนีไป ดังนี้ นายยอดและนายยิ่งมีความผิดฐานใดหรือไม่
1) นายยอดมีความผิดฐานฉ้อโกง 2) นายยิ่งมีความผิดฐานฉ้อโกง 3) นายยอดมีความผิดฐานลักทรัพย์
4) นายยิ่งมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์
46. นายมืดแอบเข้าไปลักโคของนายขาวจากฝูงในขณะที่นายขาวเผลอ หลังจากที่นายมืดลักโคไปได้ประมาณ 10 นาที นายขาวทราบจึงออกติดตามไปในทันที อีกสองชั่วโมงต่อมาก็ตามไปทัน นายมืดใช้อาวุธปืนยิงขู่เพื่อไม่ให้นายขาวติดตาม โคของนายขาวตกใจเพราะเสียงปืนจึงวิ่งหนีเข้าไปในป่าบริเวณนั้น ส่วนนายมืดหลบหนีไปอีกทางหนึ่ง นายขาวตามหาโคอยู่หลายวันแต่ไม่พบ นายเหลี่ยมเพื่อนบ้านจึงหลอกนายขาวว่าตนทราบว่านายมืดนำโคไปซ่อนไว้ ณ ที่ใด หากนายขาวประสงค์จะได้โคคืน จะต้องนำเงินค่าไถ่ไปให้นายมืด 5,000 บาท ซึ่งความจริงแล้วนายเหลี่ยมไม่ทราบว่าโคอยู่ ณ ที่ใด และไม่เคยรู้จักนายมืด นายขาวหลงเชื่อ จึงมอบเงินให้นายเหลี่ยมไป ดังนี้ นายมืดและนายเหลี่ยมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใดหรือไม่
1) นายมืดมีความผิดฐานชิงทรัพย์ 2) นายมืดมีความผิดฐานลักทรัพย์ 3) นายมืดมีความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์
4) นายเหลี่ยมมีความผิดฐานกรรโชกทรัพย์
47. นายแท่ง นายกล้า และนายกอล์ฟวางแผนจะไปปล้นทรัพย์ที่บ้านนายก้อง โดยตกลงกันว่าให้นายแท่งเป็นผู้เข้าไปควบคุมและทำร้ายนายก้อง เพื่อความสะดวกในการปล้นทรัพย์ หากขัดขืนก็ให้ฆ่านายก้องได้ คืนต่อมา ทั้งสามคนได้เข้าไปในบ้านของนายก้อง นายแท่งตามหานายก้องไม่พบ เพราะนายก้องแอบไปอยู่บนหลังคาบ้าน เมื่อนายกล้าและนายกอล์ฟเอาทรัพย์ไปจนเป็นที่น่าพอใจแล้ว ขณะที่กำลังจะออกจากบริเวณบ้าน สุนัขของนายก้องเห่านายแท่งกับพวก นายแท่งจึงเอาอาวุธมีดที่นำติดตัวไปด้วย ฟันสุนัขของนายก้องตาย ดังนี้นายแท่ง นายกล้า และนายกอล์ฟมีความผิดฐานใดหรือไม่
1) นายแท่ง นายกล้า และนายกอล์ฟมีความผิดฐานปล้นทรัพย์ 2) นายแท่ง นายกล้า และนายกอล์ฟมีความผิดฐานชิงทรัพย์
3) นายแท่ง นายกล้า และนายกอล์ฟมีความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ 4) นายแท่ง นายกล้า และนายกอล์ฟมีความผิดฐานลักทรัพย์
48. นายแดงเป็นบิดาของ น.ส.เขียว ซึ่ง น.ส.เขียวหลงรักนายขาว แต่นายขาวไม่ได้รัก น.ส.เขียว วันหนึ่งนายขาวมาที่บ้าน น.ส.เขียว ซึ่งอยู่ติดกับสถาบันพรีเมียร์เมื่อพูดคุยกับ น.ส.เขียว หลังจากพูดคุยกันอยู่สักครู่ นายขาวก็ขอตัวกลับบ้าน ขณะที่นายขาวเดินลงจากบ้านก็สวนทางกับนายแดงซึ่งเพิ่งจะกลับมาบ้าน เมื่อนายแดงขึ้นมาบนบ้านแล้ว น.ส.เขียวโกหกนายแดงว่านายขาวได้เข้ามาข่มขืนตน นายแดงหลงเชื่อว่าเป็นความจริงจึงโกรธนายขาวมาก นายแดงหยิบปืนลงจากบ้านและวิ่งตามนายขาวไปทันที เมื่อไปทันกัน นายแดงใช้ปืนยิงนายขาว นายขาวหลบทันกระสุนไม่ถูกนายขาว แต่พลาดไปถูกนายม่วงซึ่งยืนอยู่ห่างออกไปบาดเจ็บ หลังจากนั้นนายแดงก็วิ่งหนีไป ดังนี้ นายแดงมีความผิดต่อนายม่วงหรือไม่ อย่างไร
1) มีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย โดยพลาดแต่สามารถอ้างบันดาลโทสะโดยสำคัญผิดได้ ตามมาตรา 295 ประกอบมาตรา 60, 62, 72
2) มีความผิดฐานพยายามฆ่านายม่วงโดยพลาดแต่สามารถอ้างบันดาลโทสะโดยสำคัญผิดได้ ตามมาตรา 80, 228 ประกอบมาตรา 60, 62, 72
3) มีความผิดฐานพยายามฆ่านายม่วงแต่สามารถอ้างบันดาลโทสะได้ เพราะกระทำไปโดยสำคัญผิด ตามมาตรา 80, 288 ประกอบมาตรา 62, 72
4) ไม่มีความผิดฐานใดเป็นเพียงอุบัติเหตุ
49. นายก้องต้องการฆ่านายกิ๊ก นายก้องชักปืนออกมาจากกระเป๋ากางเกงทำท่าจะยิงนายกิ๊ก แต่ก่อนที่นายก้องจะเล็งปืนไปที่นายกิ๊ก นายกิ๊กซึ่งกลัวตายไวกว่าจึงใช้ปืนยิงไปที่นายก้องทันที นายก้องหลบทันกระสุนไม่ถูกนายก้อง แต่พลาดไปถูกนายแท่งบาดเจ็บ นายกิ๊กเกิดความตกใจที่กระสุนพลาดไปถูกนายแท่ง นายกิ๊กจึงเอาปืนโยนทิ้งและวิ่งหนีไป นายแท่งซึ่งทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดโดยตลอด โกรธนายกิ๊กมากที่ยิงพลาดมาถูกตนบาดเจ็บ นายแท่งวิ่งไล่ตามนายกิ๊กไปติดๆ และเล็งปืนจ้องไปที่นายกิ๊กและทำท่าจะยิงนายกิ๊ก แต่ก่อนที่นายแท่งจะลั่นไกปืนยิงนายกิ๊ก นายกล้าซึ่งเป็นบิดาของนายกิ๊กซึ่งเพิ่งผ่านมาพบเหตุการณ์ต้องการช่วยนายกิ๊กจึงใช้ปืนยิงนายแท่ง ปรากฏว่านายแท่งถูกยิงถึงแก่ความตาย ดังนี้ นายก้องมีความผิดต่อนายกิ๊กหรือไม่อย่างไร และนายกล้ามีความผิดต่อนายแท่งหรือไม่อย่างไร
1) นายก้องไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่านายกิ๊ก นายกล้าไม่มีความผิดฐานฆ่านายแท่งเพราะกระทำไปโดยป้องกัน ตามมาตรา 68
2) นายก้องไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่านายกิ๊ก นายกล้ามีความผิดฐานฆ่านายแท่งแต่อ้างเหตุกระทำไปโดยความจำเป็น ตามมาตรา 67 (2) ได้
3) นายก้องมีความผิดฐานพยายามฆ่านายกิ๊ก นายกล้าไม่มีความผิดฐานฆ่านายแท่งเพราะกระทำไปโดยป้องกัน ตามมาตรา 68
4) นายก้องมีความผิดฐานพยายามฆ่านายกิ๊ก นายกล้ามีความผิดฐานฆ่านายแท่งแต่อ้างกระทำไปโดยความจำเป็น ตามมาตรา 67 (2) ได้
50. ด.ญ.สาว อายุ 14 ปี อยู่กินฉันสามีภรรยากับนายแก้ว อายุ 19 ปี โดยที่นายสดและ นางใส บิดา มารดาของ ด.ญ.สาวยินยอม ต่อมา ด.ญ.สาวมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับนายแก้วเป็นประจำ จึงหนีออกจากบ้านมาพบนายสุข และนายสุขได้พา ด.ญ.สาวไปหานางแต๋วเพื่อให้พา ด.ญ.สาว ไปค้าประเวณี ดังนี้ นายสุขจะมีความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพฐานใด
1) พรากผู้เยาว์ อายุต่ำกว่า 15 ปี เพื่อการอนาจาร 2) ไม่ผิดฐานพรากผู้เยาว์ เพราะสมรสแล้ว
3) นายหน้าค้าประเวณี 4) พรากผู้เยาว์ อายุต่ำกว่า 15 ปี โดยไม่มีเหตุอันควร
ราคาชุดละ 2,500 บาท
ประกอบด้วยเนื้อหา สายอำนวยการ
– ความรู้ความสามารถทั่วไป (VCD)
– พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 (VCD)
– ระเบียบงานสารบรรณ พ.ศ.2526 (VCD) – พ.ร.ก ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 (VCD)
– จริยธรรมทั่วไป – คอมพิวเตอร์ (เอกสาร )
สายป้องกันและปราบปราม
– ความรู้ความสามารถทั่วไป (VCD)
– กฎหมาย ป.วิอาญา ป.อาญา และ กฎหมายพยาน (VCD,MP3)
– พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 (VCD)
"เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ต่างจังหวัด หรือ ไม่มีเวลามาติว
มีทั้งเนื้อหา และแบบฝึกหัด/ครบทุกวิชาที่ใช้สอบ
การันตีได้ผล...วัดจากการมีผู้สอบได้แล้ว
*รับประกันคุณภาพ* สั่งซื้อที่
ส่งเป็นไฟล์ทางอีเมล์ สนใจสั่งซื้อมาที่ โทร 085-0127724 Line : testthai1
สามารถนำไปปริ้นเพื่นอ่านได้เลย ในราคาเพียงส่ชุดละ 399 บาท ได้รับภายใน 2-3 ชม.
ส่ง EMS ทางไปรษณีย์ เป็นหนังสือ +MP3 ราคา 679 บาท ได้รับภายใน 2-3 วัน
กรุณาชำระค่าสินค้าและบริการ
เลขที่บัญชี 491-2-00428-2
ธ.กสิกรไทย ออมทรัพย์ ชื่อบัญชี decho pragay
[font=arial ]ผลงานการสอบได้ของลูกค้า
ติดตามข่าวการสอบราชการที่ https://www.facebook.com/testthai1
ดาวน์โหลดแนวข้อสอบรับราชการที่นี่ www.ข้อสอบงานราชการไทย.com
|
งานราชการ แนวข้อสอบ รับราชการ ก.พ. อบต. ครูผู้ช่วย ตำรวจ ธกส » แนวข้อสอบตำรวจ 2558 » รวมแนวข้อสอบ พ.ร.บ.ตำรวจฯ & กฎ ก.ตร. 
