admin |
2013-04-26 08:48 |
เจออีก 2 ดาวเคราะห์ดวงใหม่คล้ายโลกมากที่สุด
ภาพ
จำลองดาวเคราะห์ดวงใหม่ของดวงในระบบดาวเคปเลอร์-62
ซึ่งกล้องโทรทรรศน์เคปเลอร์ของนาซาพบสัญญาณการมีอยู่ของดาวเคราะห์
แต่จะเป็นดาวเคราะห์ที่สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้อย่างที่นักวิทยาศาสตร์คาด
การณ์หรือไม่ ต้องอาศัยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในอนาคต
(ภาพประกอบทั้งหมดจากบีบีซีนิวส์) |
| | ความ
พยายามค้นหาดาวเคราะห์คล้ายโลกที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตหรืออาจจะมีสิ่งมี
ชีวิตอยู่ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์ได้พบโลกใหม่ที่ทั้งขนาดและระยะทางจากดาวแม่นั้นอยู่ใน
ตำแหน่งเหมาะเจาะ ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะมีน้ำอยู่บนดาวเคราะห์ทั้งสอง
แต่ก็ยังไม่อาจบอกอะไรได้ชัดเจนนัก เพราะระยะทางที่ไกลถึง 1,200
ปีแสงนั้นเกินความสามารถในการตรวจสอบของกล้องโทรทรรศน์ในปัจจุบัน
รายงานการค้นพบดังกล่าวตีพิมพ์ลงวารสารไซน์ (Science)
ซึ่งนักวิจัยมองการค้นพบนี้เป็นการค้พบที่น่าตื่นเต้น
โดยทางบีบีซีนิวส์รายงานความเห็นจาก บิล โบรุคกี (Bill Borucki)
หัวหน้าทีมวิจัยจากโครงการกล้องโทรทรรศน์อวกาศเคปเลอร์ (Kepler telescope)
ขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐ (นาซา) ว่า
และดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะทั้งสองมีความเหมาะเจาะในเงื่อนไขที่จะเป็นดาว
เคราะห์ในเขตที่สิ่งมีชีวิตน่าจะอาศัยอยู่ได้ (habitable planets)
มากที่สุดเท่าที่พบมา ทั้งนี้
นับแต่ส่งขึ้นสู่วงโคจรเมื่อปี 2009
กล้องเคปเลอร์ได้ค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะที่ได้รับการยืนยันแล้ว
มากกว่า 100 ดวง ส่วน 2 ดวงล่าสุดนี้พบอยู่ในกลุ่มดาวเคราะห์ 5
ดวงที่โคจรรอบดาวฤกษ์ซึ่งค่อนข้างมีขนาดเล็กกว่า
เย็นกว่าและแก่กว่าดวงอาทิตย์ของเราที่เรียกว่า ดาวฤกษ์เคปเลอร์-62
(Kepler-62) ซึ่งหากมองขึ้นไปบนท้องจะอยู่ในตำแหน่งกลุ่มดาวพิณ (Lyra)
โดยดาวเคราะห์ทั้งสองมีชื่อว่า เคปเลอร์-62อี (Kepler-62e) และ
เคปเลอร์-62เอฟ (Kepler-62f)
ดาวเคราะห์ใหม่นี้อาจจัดอยู่ในข่าย “ซูเปอร์เอิร์ธ” (super-Earth)
เพราะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กว่าโลกของโลก โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.5
ของเส้นผ่านศูนย์กลางโลก
แต่ขนาดไม่สำคัญเพราะนักวิจัยชี้ว่าทั้งคู่เป็นดาวเคราะห์กินเหมือนโลก
หรือมีองค์ประกอบเกือบจะเป็นน้ำแข็งทั้งหมด
และยังแสดงให้เห็นว่าเล็กเกินกว่าจะเป็นดาวเคราะห์ก๊าซเหมือนดาวเนปจูนและ
และดาวพฤหัสบดี นอกจากนี้เคปเลอร์-62อี
และเคปเลอร์-62เอฟยังอยู่ในตำแหน่งพอเหมาะจากดาวแม่
ซึ่งทำให้ได้รับพลังงานในปริมาณที่พอดี ไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป
และบริเวณรอบๆ ดาวเคราะห์ยังจัดอยู่ใน “โซนโกลดิล็อคส์” (Goldilocks Zone)
หรือเขตที่อาศัยอยู่ได้ ซึ่งทีมวิจัยระบุว่าด้วยชั้นบรรยากาศที่เหมาะสม
ดังนั้น จึงมีเหตุผลให้ใคร่ครวญได้ว่า
ดาวเคราะห์สองดวงนี้อาจจะมีน้ำในรูปของเหลวอยู่ในปริมาณที่พอเพียง
ซึ่งเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปว่าน้ำในรูปของเหลวนั้นเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับ
ชีวิต ด้าน ลิซา คาลเตเนกเกอร์ (Lisa Kaltenegger)
ผู้เชี่ยวชาญด้านชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์นอกระบบ (exoplanet)
จากสถาบันศึกษาดาราศาสตร์มักซ์พลังก์ (Max Planck Institute for Astronomy)
ในไฮเดลเบิร์ก เยฟอรมนี และสมาชิกกลุ่มวิจัยกล่าวว่า
ในการแถลงถึงการเป็นแหล่งอาศัยอยู่ได้ของดาวเคราะห์นั้นมักจะเป็นการคาดคะเน
อย่างเช่นกรณีของเคปเลอร์-62อี และ เคปเลอร์-62 เอฟ
ทีมของเธอก็อนุมานว่าทั้งคู่เป็นดาวเคราะห์
โดยมีรัศมีของดาวเคราะห์เป็นสิ่งชี้วัด
“ขอให้เราอนุมานต่ออีกว่า ดาวเคราะห์ทั้งสองมีน้ำอยู่
และมีองค์ประกอบของชั้นบรรยากาศคล้ายคลึงกับโลก
ที่ถูกปกคลุมหนาแน่นไปด้วยไนโตรเจน และมีน้ำกับคาร์บอนไดออกไซด์ด้วย
เมื่อเป็นเช่นนั้นดาวเคราะห์ทั้งสองจะมีน้ำอยู่ที่พื้นผิวได้
โดยเคปเลอร์-62เอฟจะได้รับพลังงานรังสีจากดาวแม่น้อยกว่าพลังงานที่โลกได้
รับจากดวงอาทิตย์ ดังนั้น
ดาวเคราะห์ดวงนี้จำเป็นต้องมีก๊าซเรือนกระจกแย่างเช่นคาร์บอนไดออกไซ์
มากกว่าโลก เพื่อรักษาสภาพไม่ให้เป็นดาวน้ำแข็ง
ส่วนเคปเลอร์-62อีนั้นอยู่ใกล้ดาวแม่มากกว่า
และต้องการเมฆปกคลุมมากกว่าสำหรับสะท้อนพลังงานรังสีจากดาวแม่บางส่วนออกไป
เพื่อให้ยังคงมีน้ำเหลวอยู่ที่พื้นผิว” คาลเตเนกเกอร์อธิบาย
ตอนนี้ยังไม่มีดาวเคราะห์ดวงไหนได้รับการยืนยันว่ามีน้ำหรือสิ่งมีชีวิตจะ
อาศัยอยู่ได้ และยังเร็วไปสำหรับเทคโนโลยีทุกวันนี้
แต่นักวิทยาศาสตร์ระบุว่ากล้องโทรทรรศน์ในอนาคตอาจจะมองทะลุแสงอันเจิดจ้า
ของดาวแม่เพื่อเก็บข้อมูลแสงอันเลือนรางที่ผ่านชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์
เล็กๆ เหล่านั้นออกมาถึงโลก หรืออาจเป็นแสงที่สะท้อนมาจากพื้นผิวของดาวเอง
อีกทั้งยังอาจทำให้เราตรวจพบสัญญาณเคมีที่สัมพันธ์กับก๊าซจำเพาะในบรรยากาศ
และอาจจะเห็นไปถึงกิจกรรมบนพื้นดินของดาว
ซึ่งในอดีตก็มีความพยายามจะตรวจหาเครื่องหมายของคลอโรฟิลล์
ซึ่งเป็นสารสีในพืชที่มีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์แสง ด้าน
ดร.ซูซานน์ ไอเกรน (Dr.Suzanne Aigrain)
อาจารย์ดาราศาสตร์ฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (University of Oxford)
กล่าวว่า
การทดลองภาคพื้นดินและปฏิบัติการทางอวกาศที่วางแผนไว้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
นั้น จะให้ข้อมูลที่มีรายละเอียดมากขึ้น เกี่ยวกับดาวเคราะห์ที่อยู่ไกลๆ
คล้ายกับดาวเคราะห์ที่ทีมกล้องเคปเลอร์ประกาศ
โดยนักดาราศาสตร์ต้องการชี้ชัดถึงมวลของดาวเคราะห์
ซึ่งเป็นข้อมูลที่กล้องเคปเลอร์ไม่สามารถระบุได้ชัด และเก็บข้อมูลรัศมี
ระบุลักษณะของระบบดาวและดาวเคราะห์แต่ให้ได้ละเอียดมากกว่านี้
รวมทั้งเก็บข้อมูลองค์ประกอบของชั้นบรรยากาศด้วย
ระหว่างนี้กล้องเคปเลอร์ก็ทำหน้าที่นับจำนวนดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะต่อไป
โดยกล้องยังติดตั้งอุปกรณ์ถ่ายภาพขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่มีเคยมีการส่งกล้อง
โทรทรรศน์ขึ้นไปในอวกาศ และวัดการมีอยู่ของดาวเคราะห์โดยการมองหาเงาน้อยๆ
ที่เป็นผลจากการที่ดาวเคราะห์เคลื่อนที่ตัดหน้าดาวฤกษ์ในระบบ
|
|