admin |
2011-07-31 05:07 |
แนวข้อสอบเศรษฐกิจชุมชนพึ่งตนเอง/ชุมชนเข้มแข็ง
แนวข้อสอบความรู้ความสามารถทั่วไป รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 (เฉลยคำตอบ ข้อตัวเอียงหนา) 1. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ได้รับความเห็นชอบจาก ก. คณะรัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ( คมช. ) ข. สภาร่างรัฐธรรมนูญ ค. สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ง. การลงประชามติของประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 2. รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันประกาศใช้เมื่อใด ก. 1 สิงหาคม 2550 ข. 17 สิงหาคม 2550 ค. 24 สิงหาคม 2550 ง. 25 สิงหาคม 2550 3. รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่เท่าใด ก. ฉบับที่ 16 ข.ฉบับที่ 18 ค. ฉบับที่ 17 ง. ฉบับที่ 19 4. รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีกี่หมวด กี่มาตรา ก. 14 หมวด 303 มาตรา ข. 14 หมวด 309 มาตรา ค. 15 หมวด 303 มาตรา ง. 15 หมวด 309 มาตรา 5. รัฐธรรมนูญกำหนดให้มีคณะองคมนตรีได้ไม่เกินกี่คน ก. 17 คน ข. 18 คน ค. 19 คน ง. 20 คน 6. ข้อใดกล่าวถึงสิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทยตามรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2550 ไม่ถูกต้อง ก. การให้เงินหรือทรัพย์สินอย่างอื่นอุดหนุนหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่นของเอกชน รัฐจะกระทำมิได้ ข. บุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ สามารถยกบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
เพื่อใช้สิทธิทางศาลหรือยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ คดีในศาลได้ ค. บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับทราบและเข้าถึงข้อมูลหรือข่าวสารสาธารณะในครอบครองของ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น ง. การใช้อำนาจโดยองค์กรของรัฐทุกองค์กร ต้องคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิและเสรีภาพ ตามบทแห่งรัฐธรรมนูญนี้ 7. การกระทำข้อใด ไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญที่ว่า ? บุคคลย่อมมีสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย ? ก. พนักงานสอบสวนใช้ไฟส่องหน้าและใช้เวลาสอบสวนผู้ต้องหาติเดต่อกันถึง 8 ชั่วโมง ข. ประหารชีวิตนักโทษตามกฎหมาย ค. ตำรวจซ้อมผู้ร้ายปากแข็งเพื่อให้รับสารภาพ ง. ผิดทุกข้อ 8. บุคคลมีสิทธิเสมอกันในการรับการศึกษาไม่น้อยกว่ากี่ปี ก. 6 ปี ข. 10 ปี ค. 12 ปี ง. 16 ปี 9. ตามรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2550 สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นองค์กรประเภทใด ก. หน่วยงานของรัฐ ข. องค์กรอิสระตามกฎหมาย ค. องค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญ ง. องค์กรในทางรัฐสภา 10. ข้อใดไม่ใช่แนวนโยบายพื้นฐานของรัฐ ก. แนวนโยบายด้านความมั่นคงของรัฐ ข. แนวนโยบายด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ค. แนวนโยบายด้านพลังงาน ง. แนวนโยบายด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน 11. ประธานรัฐสภามาจากข้อใด ก. ประธานองคมนตรี ข. ประธานวุฒิสภา ค. ประธานสภาผู้แทนราษฎร ง. ถูกทุกข้อ 12. รัฐธรรมนูญปัจจุบันกำหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาจากการเลือกตั้งแบบสัดส่วนกี่คน ก. 40 คน ข. 80 คน ค. 100 คน ง. 120 คน 13. การเลือกตั้งแบบสัดส่วนกำหนดเขตเลือกตั้งไว้กี่กลุ่ม ก. 4 กลุ่ม ข. 8 กลุ่ม ค. 10 กลุ่ม ง. 12 กลุ่ม 14. รัฐธรรมนูญปัจจุบันกำหนดให้สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิกจำนวนกี่คน ก. 200 คน ข. 400 คน ค. 480 คน ง. 630 คน 15. ข้อใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งแต่ละจังหวัด ก. ใช้จำนวนราษฎรตามหลักฐานการทะเบียนที่ประกาศในปีสุดท้ายก่อนปีที่มีการเลือกตั้ง ข. ใช้จำนวน 400 เป็นตัวหาร ค. จังหวัดที่ไม่ถึงเกณฑ์จำนวนราษฎรต่อ สส. หนึ่งคน มี สส. ได้หนึ่งคน ง. จังหวัดที่มี สส. 2 คนขึ้นไปจะต้องแบ่งเขตเลือกตั้งในจังหวัดอย่างน้อยเป็น 2 เขต จ. ถูกทุกข้อ 16. ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต้องมีอายุ 18 ปี บริบูรณ์ใน .... ก. วันประกาศบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ข.วันเลือกตั้ง ค. วันเกิด ง. วันที่ 1 มกราม ของปีที่มีการเลือกตั้ง จ. วันประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง 17. เมื่ออายุของสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง จะต้องมีการเลือกตั้งทั่วไปภายในกำหนดเท่าใด ก. 45 วัน ข. 60 วัน ค. 90 วัน ง. 120 วัน จ. 150 วัน 18. หลังยุบสภาต้องเลือกตั้งใหม่ภายในกี่วันนับแต่วันยุบสภานั้น ก. 30 วัน ข. 45 วัน ค. 45 วันแต่ไม่เกิน 60 วัน ง. 60 วัน จ. 90 วัน 19. วันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปต้องตราเป็น ? ก. พระราชกำหนด ข.พระราชบัญญัติ ค. พระราชกฤษฎีกา ง. ประกาศพระบรมราชโองการ จ. กฎกระทรวง 20. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับเลือกตั้งแบบสัดส่วน ก. พรรคการเมืองต้องส่งครบทุกเขตเลือกตั้ง ข. พรรคการเมืองจะส่งเพียงบางเขตเลือกตั้งก็ได้ ค. ในแต่ละเขตเลือกตั้งจะมีจำนวน สส. เท่าใดขึ้นอยู่กับจำนวนประชากรในเขตเลือกตั้งนั้น ง. พรรคการเมืองที่จะได้คะแนนน้อยกว่าร้อย 10 จะไม่นำมารวมคำนวณจำนวน สส. จ .ถูกทุกข้อ 21. ใครไม่มีสิทธิเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ก. กานดาแปลงสัญชาติเป็นสัญชาติไทยมาแล้ว 4 ปี ข. สากลมีชื่อในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งมาแล้วรวม 60 วัน ค. มนต์ชัยมีอายุครบ 17 ปีบริบูรณ์ ในวันที่ 1 มกราคม ของปีเลือกตั้ง ง. ไม่มีสิทธิเลือกทุกคน 22. พรรคการเมืองที่จะได้เสียงข้างมากในสภา ผู้แทนราษฎร ต้องมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสังกัดจำนวนอย่างน้อยที่สุด ก. 201 เสียง ข. 241 เสียง ค. 2581 เสียง ง. 316 เสียง 23. การประชุมครั้งแรกนับแต่วันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ต้องจัดให้มีการประชุมภายในกี่วัน ก. 7 วัน ข. 15 วัน ค. 30 วัน ง. 45 วัน 24. สมาชิกวุฒิสภามีจำนวนทั้งสิ้นเท่าใด ก. 150 คน ข. 200 คน ค. 250 คน ง. 300 คน 25. สมาชิกวุฒิสภามีที่มาจาก ก. การแต่งตั้ง ข. การเลือกตั้ง ค. การเลือกตั้งและสรรหา ง. ถูกทุกข้อ 26. วุฒิสมาชิกต้องมีอายุไม่ต่ำกว่ากี่ปี ก. 25 ปี ข. 30 ปี ค. 35 ปี ง. 40 ปี 27. อายุของวุฒิสมาชิกมีกำหนดคราวละกี่ปี ก. 2 ปี ข. 4 ปี ค. 6 ปี ง. 8 ปี 28. เมื่อวาระของสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้งสิ้นสุดลงต้องกำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่ภายในกี่วัน ก. 30 วัน ข. 45 วัน ค. 60 วัน ง. 90 วัน 29. สมัยประชุมสามัญ ของรัฐสภาสมัยหนึ่งๆมีกำหนดกี่วัน ก. 60 วัน ข. 90 วัน ค. 120 วัน ง. 150 วัน 30. การเลือกตั้ง การเปิดสมัยประชุมสภา และการยุบสภา ต้องตราเป็น ก. พระราชบัญญัติ ข. พระราชกำหนด ค. พระราชกฤษฎีกา ง. พระบรมราชโองการ 31. คณะกรรมการเลือกตั้งมีกี่คน ก. 4 คน ข. 5 คน ค. 7 คน ง. 10 คน 32.กรรมการการเลือกตั้ง มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละกี่ปี ก. 4 ปี ข. 5 ปี ค. 6 ปี ง. 7 ปี 33. ข้อใด มิใช่ อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ก. สั่งให้พนักงานของรัฐวิสาหกิจปฏิบัติการทั้งหลายอัน ตำเป็นตามกฎหมาย ข. ประกาศผลการเลือกตั้งและการออกเสียงประชามติ ค. สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ง. สืบสวนข้อเท็จจริงกรณีผู้มีสิทธิเลือกตั้งทำความผิดทางอาญาบริเวณเขตเลือกตั้ง 34. องค์การตามรัฐธรรมนูญ ในข้อใดทีมีสถานะต่างไปจากข้ออื่น ก. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ข. ผู้ตรวจการแผ่นดิน ค. คณะกรรมการการเลือกตั้ง ง. คณะกรรมาการตรวจเงินแผ่นดิน 35. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 กำหนดให้ประชาชนเสนอให้มีการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง โดยต้องมีประชาชน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่าเท่าใดเข้าชื่อร่วมกัน ก. หนึ่งหมื่นคน ข. สองหมื่นคน ค. ห้าหมื่นคน ง. หกหมื่นคน 36. การขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีต้องมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเข้าชื่อเสนอญัตติไม่น้อยกว่า เท่าใดของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร ก. 1 ใน 3 ข. 2 ใน 3 ค. 1 ใน 5 ง. 2 ใน 5 37. กรณีใดที่รัฐสภา ต้องประชุมร่วมกัน ก. การแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี ข. การเปิดอภิปรายทั่วไปของรัฐบาล ค. การให้ความเห็นชอบในการสืบราชสมบัติ ง. ถูกทุกข้อ 38. ผู้ตรวจการแผ่นดินมีได้ไม่เกินกี่คน และ อยู่ในวาระคราวละกี่ปี ก. ไม่เกิน 2 คน : วาระละ 2 ปี ข. ไม่เกิน 3 คน : วาระละ 6 ปี ค. ไม่เกิน 4 คน : วาระละ 4 ปี ง. ไม่เกิน 5 คน : วาระละ 5 ปี 39. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีกี่คน และอยู่ในตำแหน่งคราวละกี่ปี ก. 6 คนอยู่ในตำแหน่งคราวละ 3 ปี ข. 7 คนอยู่ในตำแหน่งคราวละ 6 ปี ค. 8 คนอยู่ในตำแหน่งคราวละ 3 ปี ง. 9 คนอยู่ในตำแหน่งคราวละ 6 ปี 40. รัฐธรรมนูญปัจจุบันกำหนดให้มีคณะรัฐมนตรีไม่เกินกี่คน ก. 35 คน ข. 36 คน ค. 38 คน ง. 48 คน 41. รัฐมนตรีต้องมีอายุไม่ต่ำกว่ากี่ปี ก. 25 ปี ข. 35 ปี ค. 40 ปี ง. 45 ปี 42. นับแต่วันเข้ารับหน้าที่คณะรัฐมนตรีต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภาภายในกี่วัน ก. 7 วัน ข. 15 วัน ค. 18 วัน ง. 21 วัน 43. ผู้มีอำนาจในการประกาศใช้และยกเลิกกฎอัยการศึกตามกฎหมายคือใคร ก. พระมหากษัตริย์ ข. ประธานรัฐสภา ค. ประธานวุฒิสภา ง. นายกรัฐมนตรี 44. ผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการตั้งรัฐมนตรี คือ ก. ประธานสภาผู้แทนราษฎร ข. ประธานรัฐสภา ค. ประธานองคมนตรี ง. นายกรัฐมนตรี 45. ตามรัฐธรรมนูญไทยปัจจุบัน กฎหมายใดคือกฎหมายที่รัฐบาลสามารถประกาศใช้บังคับได้เองในทันที แต่ต้องมาขอความเห็นชอบจากรัฐสภาในภายหลัง ก. พระราชกฤษฎีกา ข. พระบรมราชโองการ ค. พระราชกำหนด ง. พระราชบัญญัติในภาวะฉุกเฉิน 46. ศาลรัฐธรรมนูญประกอบด้วยประธานและตุลาการอื่นรวมกี่คน ก. 7 คน ข. 9 คน ค. 11 คน ง. 13 คน 47. ผู้ทรงคุณวุฒิในศาลรัฐธรรมนูญต้องมีกายุไม่ต่ำกว่ากี่ปี ก. 35 ปี ข. 40 ปี ค. 45 ปี ง. 50 ปี 48. องค์คณะผู้พิพากษาในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีจำนวนกี่คน ก. 5 คน ข. 7 คน ค. 9 คน ง. 11 คน 49. อำนาจพิจารณาพิพากษาคดีที่เป็นข้อพิพาทระหว่าง ร.ท. น้อย กับ ป้าส้มลิ้ม แม่ค้าขายปลาสดเรื่องหมิ่นประมาท เป็นอำนาจ ก. ศาลยุติธรรม ข. ศาลปกครอง ค.ศาลรัฐธรรมนูญ ง. ศาลทหาร 50. พนักงานไฟฟ้าปักเสาไฟฟ้าทำให้บ้านยายสาย ได้รับความเสียหาย ยายสายควรไปขอความเป็นธรรม จากศาลใด ก. ศาลยุติธรรม ข. ศาลปกครอง ค.ศาลรัฐธรรมนูญ ง. ศาลทหาร 51. คำสั่งยุบพรรคการเมืองกระทำโดย ก. คณะกรรมการการเลือกตั้ง ข. ศาลยุติธรรม ค. ศาลปกครอง ง. ศาลรัฐธรรมนูญ 52.ในกรณีที่ไม่มีบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญบังคับแก่กรณีใด รัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2550 ได้กำหนดให้ใช้วิธีการใด ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ก. ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ข. เป็นหน้าที่ของรัฐบาลหรือรัฐสภาที่จะดำเนินการพิจารณาสร้างบรรทัดฐานขึ้นใหม่ ค. ให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข ง. ให้กรณีดังกล่าวเป็นโมฆะ ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ต่อไปได้ 53. หลักสำคัญของการจัดการปกครองท้องถิ่นตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ก. จะต้องมีสภาท้องถิ่นและคณะผู้บริหารมาจากการเลือกตั้งตามกำหนดเวลา ข. สมาชิกสภาและคณะผู้บริหารท้องถิ่นมาจากการเลือกตั้งเป็นหลัก ถ้าจำเป็นต้องมีสมาชิกประเภท แต่งตั้ง จะต้องมีจำนวนน้อยกว่าที่มาจารกการเลือกตั้ง ค.ให้มีสมาชิกสภาท้องถิ่นที่มาจากการเลือกตั้ง ผสมกับสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งเพื่อประสาน ประโยชน์ระหว่างราชการส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น ง. ให้จัดการกระจายอำนาจให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครองมากที่สุดทั้งระดับ จังหวัด อำเภอ และตำบล 54. สมาชิกสภาท้องถิ่น มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละกี่ปี ก. 2 ปี ข. 3 ปี ค. 4 ปี ง. 5 ปี 55. ในรัฐธรรมนูญกำหนดให้มีองค์กรใดในการบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อสร้างระบบคุ้มครองคุณธรรม ก. คณะกรรมการข้าราชการท้องถิ่น ข. คระกรรมการพนักงานส่วนท้องถิ่น ค. องค์กรพิทักษ์ระบบคุณธรรม ง. องค์กรคุ้มครองข้าราชการส่วนท้องถิ่น 56. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 กำหนดให้องค์กรใดมีอำนาจถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง กรณีมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ หรือส่อไปในทางทุจริต ก. รัฐสภา ข. สภาผู้แทนราษฎร ค. วุฒิสภา ง. ศาลรัฐธรรมนูญ 57. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีจำนวนกี่คน ก. 6 คน ข. 7 คน ค. 8 คน ง. 9 คน 58. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ดำรงตำแหน่งคราวละกี่ปี ก. 4 ปี ข. 6 ปี ค. 9 ปี ง. 11 ปี 59. อำนาจพิจารณาพิพากษาข้าราชการการเมือง ผู้ถูกกล่าวหาว่า ร่ำรวยผิดปกติอยู่ในอำนาจของศาลใด ก.ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข. ศาลรัฐธรรมนูญ ค. ศาลปกครองสูงสุด ง. ประธานศาลฎีกา 60. ตามรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงราบการทรัพย์สินและหนี้สินของบุคคลใดบ้าง ก. ตนเอง ภริยา บุตร และบุตรบุญธรรม ข. ตนเอง คู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ค. ตนเอง ภริยา แลกะบุตรทุกคน ง. ตนเอง คู่สมรส และบุตรบุญธรรม 61. การยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน จะต้องยื่นต่อ ก. คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ข. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ ค. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ง. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 62. ผู้ดำรงตำแหน่งใดที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ก. นายกรัฐมนตรี ข. ผู้บริหารท้องถิ่นตามที่กฎหมายกำหนด ค. สมาชิกวุฒิสภา ง. ถูกทุกข้อ 63. ข้อใดกล่าวถูกต้องที่สุด เกี่ยวกับระยะเวลาการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ก. ยื่นภายใน 30 วัน นับแต่วันเข้ารับและพ้นจากตำแหน่ง ข. ยื่นภายใน 60 วัน นับแต่วันเข้ารับและพ้นจากตำแหน่ง ค. ยื่นภายใน 30 วัน นับแต่วันเข้ารับตำแหน่ง ง. ยื่นภายใน 60 วัน นับแต่วันเข้ารับ / วันพ้นจากตำแหน่งและภายใน 30 วันนับแต่วันพ้นจากตำแหน่ง มาแล้ว 1 ปี 64. ข้อใดกล่าวถูกต้อง ก. คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินประกอบด้วย ประธานคนหนึ่งและกรรมการอื่นอีก 9 คน ข. ผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานธุรการคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน คือผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ค. พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ตามคำแนะนำของรัฐสภา ง. ถูกทุกข้อ 65. กรรมการตรวจเงินแผ่นดินมีวาระการดำรงตำแหน่งเท่าใด ก. 6 ปี วาระเดียว ข. 7 ปี วาระเดียว ค. 9 ปี วาระเดียว ง. 10 ปี ไม่จำกัดวาระ 66. ในวันเลือกตั้งต้องเปิดให้ลงคะแนนตามช่วงเวลาใด ก. ตั้งแต่เวลา 07.00 น. ถึง 15.00 น. ข. ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึง 15.00 น. ค. ตั้งแต่เวลา 08.30 น. ถึง 15.30 น. ง. ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึง 16.00 น. 67. ในการกำหนดหน่วยเลือกตั้งให้ถือจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเท่าใดเป็นประมาณ ก. 400 คน ข. 500 คน ค. 600 คน ง. 800 คน 68. ห้ามการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด ในช่วงเวลา ก. ตั้งแต่ 12.00 น. ของวันก่อนเลือกตั้งถึง 08.00 น. ของวันหลังการเลือกตั้ง ข. ตั้งแต่ 12.00 น. ของวันก่อนเลือกตั้งถึง 24.00 น. ของวันการเลือกตั้ง ค. ตั้งแต่ 18.00 น. ของวันก่อนเลือกตั้งถึง 18.00 น. ของวันหลังการเลือกตั้ง ง. ตั้งแต่ 18.00 น. ของวันก่อนเลือกตั้งถึง 24.00 น. ของวันการเลือกตั้ง 69. ในการคำนวณสัดส่วนเพื่อหาผู้ได้รับเลือกตั้งแบบสัดส่วนในแต่ละเขตเลือกตั้งให้นำคะแนนรวมของทุกพรรคการเมืองหารด้วย ก. 8 ข. 10 ค. จำนวนพรรคการเมือง ง. ไม่มีข้อใดถูก 70. การคัดค้านการเลือกตั้ง จะต้องกระทำภายใน ก. 7 วัน นับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้ง ข. 10 วัน นับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้ง ค. 15 วัน นับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้ง ง. 30 วัน นับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้ง
แนวข้อสอบพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 1. รูปแบบของรัฐของไทยเป็นแบบ ตอบ รัฐเดี่ยว 2.พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ให้ไว้ ณ วันที่ 21 สิงหาคม 2534 โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รักษาการตาม พ.ร.บ.นี้ และมีการจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดินของไทยแบ่งออกเป็น ตอบ 3 ส่วน คือส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น 3. ผู้มีอำนาจแต่งตั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดที่มีตั้งแต่สองคนขึ้นไปเป็นผู้รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดได้แก่ ตอบ ปลัดกระทรวง (ตาม ม.56 ของพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน 2535 -ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รักษาราชการแทนถ้าไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ให้ผู้ช่วยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รักษาราชการแทนไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้ว่าราชการจังหวัด หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ให้ปลัดจังหวัดเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีรองผู้ว่าราชการจังหวัดผู้ช่วยผู้ว่าราชการจังหวัด หรือปลัดจังหวัดหลายคน ให้ปลัดกระทรวงแต่งตั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ช่วยผู้ว่าราชการจังหวัดหรือปลัดจังหวัดคนใดคนหนึ่งแล้วแต่กรณี เป็นผู้รักษาราชการแทนถ้าไม่มีทั้งผู้ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดผู้ช่วยผู้ว่าราชการจังหวัดและปลัดจังหวัด หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ให้หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดซึ่งมีอาวุโส ตามแบบแผนของทางราชการเป็นผู้รักษาราชการแทน) 4. คณะกรมการจังหวัด ได้แก่ ตอบ คณะกรมการจังหวัด ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานรองผู้ว่าราชการจังหวัดหนึ่งคนตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมาย ปลัดจังหวัดอัยการจังหวัด หัวหน้าตำรวจภูธรจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดจากกระทรวงทบวงต่าง ๆเว้นแต่กระทรวงมหาดไทยซึ่งประจำอยู่ในจังหวัดกระทรวงหรือทบวงละหนึ่งคนเป็นกรมการจังหวัดและหัวหน้าสำนักงานจังหวัดเป็นกรมการจังหวัดและเลขานุการ 5. การมอบอำนาจของอธิบดีให้รองอธิบดีเรียกว่า …… เช่นเดียวกับกรณีของผู้ว่าราชการจังหวัดที่มอบให้รองผู้ว่าราชการจังหวัด เรียกว่า …….. ตอบ ปฏิบัติราชการแทน ……. ปฏิบัติราชการแทน 6. ลัทธิการเมืองและการปกครองของไทยเราเป็นแบบ ตอบ ลัทธิประชาธิปไตย 7. ระบอบการปกครองของไทยเป็นแบบ ตอบ ระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ระบบรัฐสภา 8. ถ้านายอำเภอไปราชการแทนแล้วประสบอุบัติเหตุ ใครเป็นผู้รักษาราชการแทน ตอบ ตามมาตรา 64 ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งนายอำเภอ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งปลัดอำเภอหรือหัวหน้าส่วนราชการประจำอำเภอผู้มีอาวุโสตามระเบียบแบบแผนของทางราชการเป็นผู้รักษาราชการแทน ในกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือนายอำเภอมิได้แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนไว้ให้ปลัดอำเภอหรือหัวหน้าส่วนราชการประจำอำเภอผู้มีอาวุโสตามระเบียบแบบแผนของทางราชการเป็นผู้รักษาราชการแทน 9. ข้าราชการประเภทใดที่ไม่อยู่ในการกำกับดูแลของผู้ว่าราชการจังหวัด ตอบ ข้าราชการทหาร ข้าราชการฝ่ายตุลาการ ข้าราชการฝ่ายอัยการข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย ข้าราชการในสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และข้าราชการครู 10.การมอบอำนาจตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินต้องทำเป็นหนังสือหรือไม่ ตอบ การมอบอำนาจตามมาตรา 38 ให้มอบเป็นหนังสือเท่านั้น 11. ถ้ามีกฎหมายอื่นกำหนดวิธีการมอบอำนาจเป็นอย่างอื่นแล้ว จะมอบอำนาจตามพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ได้หรือไม่ ตอบ ไม่ได้ 12. นายอำเภอมอบอำนาจให้เสมียนตราอำเภอได้หรือไม่ ตอบ ไม่ได้ 13. ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายปกครองและพัฒนา สามารถมอบอำนาจให้ปลัดอำเภอได้หรือไม่ ตอบ ไม่ได้ เพราะตำแหน่งปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายปกครองและพัฒนาไม่ได้เป็นตำแหน่งตามพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน 14.สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งมีฐานะเป็นส่วนราชการหรือไม่ ตอบ ไม่เป็น ส่วนสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานศาลปกครอง สำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เป็นส่วนราชการอิสระ 15.การรวมกรมสองกรมเข้าด้วยกันโดยไม่มีการกำหนดตำแหน่งอัตรา ขรก.ลูกจ้างเพิ่มขึ้น ต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกาหรือพระราชบัญญัติ ตอบ พระราชกฤษฎีกา 16.การเปลี่ยนชื่อส่วนราชการระดับกรม ต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกาหรือพระราชบัญญัติ ตอบ พระราชกฤษฎีกา 17.การยุบส่วนราชการระดับกระทรวงต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกา หรือพระราชบัญญัติ ตอบ พระราชกฤษฎีกา 18. พัฒนาการจังหวัด เป็นกรมการจังหวัด หรือไม่ ตอบ ไม่เป็น เพราะ ตามมาตรา 53 ในจังหวัดหนึ่งมีคณะกรมการจังหวัดทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการจังหวัด คณะกรมการจังหวัด ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนึ่งคนตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมาย ปลัดจังหวัด อัยการจังหวัด หัวหน้าตำรวจภูธรจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดจากกระทรวงทบวง ต่าง ๆ เว้นแต่กระทรวงมหาดไทยซึ่งประจำอยู่ในจังหวัดกระทรวงหรือทบวงละหนึ่งคนเป็นกรมการจังหวัดและหัวหน้าสำนักงานจังหวัดเป็นกรมการจังหวัดและเลขานุการถ้ากระทรวงหรือทบวงมีหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดมากกว่าหนึ่งคนให้ปลัดกระทรวงหรือปลัดทบวง กำหนดให้หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดหนึ่งคนเป็นผู้แทนกระทรวงหรือทบวงในคณะกรมการจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นสมควรจะแต่งตั้งให้หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในราชการส่วนภูมิภาคคนหนึ่งหรือหลายคนเป็นกรมการจังหวัดเพิ่มขึ้นเฉพาะการปฏิบัติหน้าที่ใดหน้าที่หนึ่งก็ได้19. การจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดินราชการบริหารส่วนภูมิภาค แบ่งออกเป็น ตอบ จังหวัด อำเภอ 20. ถ้ากฎหมายมิได้บัญญัติว่าการปฏิบัติตามกฎหมายนั้น เป็นหน้าที่ของผู้ใดโดยเฉพาะให้เป็นหน้าที่ของใคร ที่จะต้อง ... ให้เป็นไปตามกฎหมายนั้นด้วย ตอบ นายอำเภอ รักษาการ 21. การรับราชการเป็นหน้าที่ของชนชาวไทยตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญหรือไม่ ตอบ ไม่ แต่รับราชการทหารเป็นหน้าที่ การไปใช้สิทธิเลือกตั้ง การปฏิบัติตามกฎหมายการเสียภาษีอากร การรับการศึกษาอบรม เป็นหน้าที่ของชนชาวไทย 22. การบริหารราชการแผ่นดินของประเทศไทย ใช้อำนาจปกครองประกอบด้วยหลักสำคัญ ตอบ การรวมอำนาจ การแบ่งอำนาจ และการกระจายอำนาจ 23. ราชการบริหารส่วนกลาง หมายถึง ตอบ กระทรวง ทบวง กรม 24. ราชการบริหารส่วนภูมิภาค หมายถึง ตอบ จังหวัด อำเภอ 25. ราชการบริหารส่วนกลาง เป็นการใช้อำนาจปกครองในทาง ตอบ รวมอำนาจ 26. ราชการส่วนท้องถิ่น เป็นการใช้อำนาจปกครองในทาง ตอบ กระจายอำนาจ 27. สำนักงานอำเภอมีผู้ใดเป็นหัวหน้ารับผิดชอบ ตอบ นายอำเภอ 28. จังหวัด แบ่งส่วนราชการเป็น ตอบ สำนักงานจังหวัด และส่วนราชการประจำจังหวัด 29.การเปลี่ยนแปลงเขตอำเภอกระทำโดย ตอบ ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา 30.ตามพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ผู้ว่าราชการอาจมอบอำนาจให้ ตอบ นายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการประจำอำเภอ 31. อำเภอมีฐานะเป็นนิติบุคคลหรือไม่ ตอบ ไม่เป็น 32.ผู้ว่าราชการจังหวัดป่วย ไม่สามารถปฏิบัติงานได้รองผู้ว่าราชการจังหวัดจึงทำหน้าที่แทน การปฏิบัติราชการของรองผู้ว่าราชการจังหวัดคือประการใด ตอบ รักษาราชการแทน 33. กฎหมายซึ่งเป็นแม่บทในการจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดินก่อนพ.ร.บ.ฉบับปัจจุบันมีผล บังคับใช้ ประเทศไทยมีกฎหมายในข้อใดเป็นแม่บท ตอบ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 218 34. ฐานะของส่วนราชการใดที่ไม่มีฐานะเป็นนิติบุคคล ตอบ สำนักงานในกรมต่าง ๆ 35. ฐานะของสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นส่วนราชการที่เหมือนกับ ตอบ กระทรวง 36. ส่วนราชการที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ที่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีฐานะเป็นเช่นไร ตอบ กรม 37. สำนักนายกรัฐมนตรีอาจจัดให้มีส่วนราชการเป็นการภายใน ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีได้กรณี ตอบ 1. จัดทำนโยบายและแผน 2. กำกับ เร่งรัด และติดตามนโยบาย 3.ติดตามแผนการปฏิบัติราชการตามนโยบาย 38. ใครมีอำนาจบังคับบัญชาสำนักนายกรัฐมนตรี และกำกับโดยทั่วไปในการบริหารราชการแผ่นดิน ตอบ นายกรัฐมนตรี 39. หน่วยงานใดทำหน้าที่เกี่ยวกับราชการทางการเมือง และไม่มีฐานะเป็นกรม ตอบ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยมีเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ 40. หากมีความจำเป็นต้องมีส่วนราชการทำหน้าที่จัดทำนโยบายและแผน กำกับ เร่งรัดและติดตามนโยบายจะต้องรับการอนุมัติจากใคร ตอบ คณะรัฐมนตรีโดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนั้นเป็นผู้บังคับบัญชา 41. ใครเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการในกระทรวงรองจากรัฐมนตรี ตอบ ปลัดกระทรวง 42. ในกระทรวงหนึ่ง ๆ จะมีตำแหน่งผู้ช่วยปลัดกระทรวงได้หรือไม่ ตอบ มีหรือไม่มีก็ได้ 43. ในกระทรวงหนึ่ง ๆหน่วยงานใดรับผิดชอบราชการทางการเมือง ตอบ สำนักงานเลขานุการรัฐมนตรี 44. กรณีที่นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ใครเป็นผู้รักษาราชการแทน ตอบ รัฐมนตรีที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย 45. กรณีที่ผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง รัฐมนตรีช่วยว่าการไม่สามารถปฏิบัติราชการได้ ใครเป็นผู้รักษาราชการแทน ตอบ รัฐมนตรีที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย 46. กรณีที่ผู้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง รองปลัดกระทรวงไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ใครเป็นผู้รักษาราชการแทน ตอบ ผู้ดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดี หรือเทียบเท่าที่รัฐมนตรีแต่งตั้ง 47. กรณีที่เลขานุการรัฐมนตรี ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ใครเป็นผู้รักษาราชการแทน ตอบ ข้าราชการในกระทรวงที่รัฐมนตรีว่าการแต่งตั้ง 48. กรณีที่อธิบดี รองอธิบดี ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ใครเป็นผู้รักษาราชการแทน ตอบ ข้าราชการในกรมซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองอธิบดีหรือหัวหน้ากองหรือเทียบเท่าที่ปลัดกระทรวงแต่งตั้ง 49. ผู้รักษาราชการแทนในตำแหน่งต่างๆมีอำนาจหน้าที่เพียงใด ตอบ มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ซึ่งตนแทน 50. การตั้งจังหวัดใหม่กระทำได้โดยกฎหมายใด ตอบ พระราชบัญญัติ 51. ใครเป็นกรมการจังหวัด ตอบ ผู้ว่าราชการจังหวัดรองผู้ว่าราชการจังหวัดคนหนึ่งที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมาย ปลัดจังหวัดอัยการจังหวัด หัวหน้าตำรวจภูธรจังหวัด และ หน.ส่วนราชการประจำจังหวัดกระทรวงละ 1 คน และหัวหน้าสำนักงานจังหวัดเป็นกรรมการและเลขานุการ 52. หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดจากกระทรวงต่างๆถ้ามีหลายตำแหน่งจะเป็นกรมการจังหวัดได้กี่ตำแหน่ง ตอบ เป็นได้ 1 คนตามที่ปลัดกระทรวงแต่งตั้ง 53. หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดจากกระทรวงใดที่เป็นกรมการจังหวัดได้มากกว่ากระทรวงอื่น ตอบ กระทรวงมหาดไทย 54. ผู้ว่าราชการจังหวัดจะแต่งตั้งหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในราชการส่วนภูมิภาคเป็นกรรมการจังหวัดเพิ่มขึ้นได้หรือไม่ ตอบ เพิ่มได้โดยทำหน้าที่ใดหน้าที่หนึ่งโดยเฉพาะ 55. การตั้งอำเภอใหม่ต้องทำอย่างไร ตอบ พระราชกฤษฎีกา 56. ปัจจุบันประเทศไทยมีส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกระทรวงกี่กระทรวง ตอบ 20 กระทรวง 57. ฐานะของส่วนราชการใดไม่มีฐานะเป็นนิติบุคคล (ม.7) ตอบ สำนักงานในกรมต่าง ๆ 58. ใครเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ (ม.13) ตอบ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการบริหาร 59. ตำแหน่งใดไม่มีกำหนดไว้ในกฎหมายระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ตอบ ผู้ช่วยนายอำเภอ 60. นายอำเภออาจมอบอำนาจให้ใครปฏิบัติราชการแทนได้บ้าง (ม.38) ตอบ ปลัดอำเภอ,เกษตรอำเภอ,สาธารณสุขอำเภอ,พัฒนาการอำเภอ 61. กรณีที่เลขานุการรัฐมนตรี ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีไม่สามารถปฏิบัติหน้าได้ใครเป็นผู้รักษาราชการแทน (ม.43) ตอบ ข้าราชการในกระทรวงที่รัฐมนตรีว่าการแต่งตั้ง 62. ในกรมการจังหวัดจะมีข้าราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทยอยู่จำนวนเท่าใด (ม.53) ตอบ 4 คน (ผวจ. รองผวจ.ที่ ผวจ. แต่งตั้ง ปจ. หน.สนง.จว.) 63. ตามกฎหมายระเบียบบริหารราชการแผ่นดินตำแหน่งใดอาจจะมีก็ได้ ไม่มีก็ได้ (ม.54) ตอบ รองผู้ว่าราชการจังหวัด 64. ตามกฎหมายระเบียบบริหารราชการแผ่นดินกำหนดให้ข้อใดรับผิดชอบในการวางแผน ตอบ สำนักงานจังหวัด 65. อำเภอแบ่งส่วนราชการออกเป็น (ม.66) ตอบ สำนักงานอำเภอและส่วนราชการประจำอำเภอ 66. การจัดการปกครองนอกจากที่บัญญัติไว้ในกฎหมายระเบียบบริหารราชการแผ่นดินแล้วให้เป็นไปตาม (ม.68) ตอบ พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 67. การจัดระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่นตามกฎหมายแบ่งเป็นกี่ประเภท (ม.70) ตอบ 4 (อบจ. เทศบาล สุขาภิบาล และการปกครองท้องถิ่นอื่น ที่ กม.จัดตั้งขึ้น) 68. “ราชการส่วนท้องถิ่นอื่นตามที่กฎหมายกำหนด” หมายถึง (ม.70) ตอบ กรุงเทพมหานคร/พัทยา / อบต. 69. ส่วนราชการใดทีไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงหรือทบวง ตอบ ราชบัณฑิตยสถาน ,สำนักงานอัยการสูงสุด,สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน 70. ส่วนราชการใดที่มิได้อยู่ในบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี ตอบ ราชบัณฑิตยสถาน 71. การจัดระเบียบราชการของกระทรวง มีดังนี้ ตอบ สำนักเลขานุการรัฐมนตรี,สำนักงานปลัดกระทรวง,กรมหรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น 72. การแบ่งส่วนราชการในกรมสามารถแบ่งออกเป็น ดังนี้ ตอบ สำนักงานเลขานุการกรม,กองหรือส่วนราชการที่มีฐานะเทียบกอง 73. การมอบอำนาจตามกฎหมายโดยชอบแล้วผู้รับมอบอำนาจมีหน้าที่ต้องรับมอบอำนาจนั้นและจะมอบอำนาจนั้นให้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งอื่นต่อไปได้หรือไม่โดยไม่รวมเรื่องมอบอำนาจให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด ตอบ ไม่ได้ พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 1. พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ ดี พ.ศ. 2546 ได้ตราขึ้นตาม กฎหมายข้อใด ก. กฎหมายรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางการปกครอง พ.ศ.2539 ข. พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดินและพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางการ ปกครอง พ.ศ.2539 ค. กฎหมายรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ง. ถูกทุกข้อ 2.ในทางปฏิบัติราชการส่วนใดจะปฏิบัติเมื่อใดต้องมีเงื่อนไขอย่างไร ใครเป็นผู้กำหนดให้ปฏิบัติตามพระราชกฤษฎีกานี้ ก. ผู้ว่าราชการจังหวัด ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ค. นายกรัฐมนตรี ง. คณะรัฐมนตรี 3.ใครมีหน้าที่ให้ข้อเสนอแนะ (แก่คณะรัฐมนตรี) ก่อนจะปฏิบัติตามพระราชกฤษฎีกานี้ในการที่จะให้ส่วนราชการปฏิบัติเมื่อใดและจะต้องมีเงื่อนไขอย่างใดบ้าง ก. คณะรัฐมนตรี ข. ก.พ. ค. ก.พ.ร. ง. ก.พ.อ. 4. คำว่า "ส่วนราชการ" ตามความหมายพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 นั้นให้ความหมายถึงส่วนราชการตามกฎหมายข้อใด ก. ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ข. ตามกฎหมายระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ค. ตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวงกรม ง. ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี 5. การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีนั้นจะต้องบริหารราชการให้บรรลุเป้าหมายทั้งหมดกี่ประการ ก. 7 ประการข. 6 ประการ ค. 5 ประการ ง. 4 ประการ 6. การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีนั้นเป้าหมายสูงสุดคือข้อใด ก. เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ ข. เกิดประโยชน์สูงสุดของประชาชน ค. ประชาชนได้รับการอำนวยความสะดวกและได้รับการตอบสนองความต้องการ ง. เกิดผลคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ 7. ความบริหารของการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดผลตามข้อใด ก. ความผาสุกของประชาชน ข. ความอยู่ดีของประชาชน ค. ความสงบสุขเรียบร้อยของประชาชน ง. ถูกต้องทั้งหมด 8. ในการบริหารราชการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนส่วนราชการจะต้องดำเนินการโดยเอาอะไรเป็นศูนย์กลางในการบริหารกิจการ ก. หน่วยราชการ ข. ประเทศ ค. สังคมและชุมชน ง. ประชาชน 9. ในการกำหนดภารกิจของรัฐและส่วนราชการจะต้องเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ความสุขของประชาชนและจะสอดคล้องตามข้อใด ก. สอดคล้องกับกฎหมายรัฐธรรมนูญและ ก.พ.ร.กำหนด ข. สอดคล้องกับแนวนโยบายแห่งรัฐและนโยบายของคณะรัฐมนตรี ค. สอดคล้องกับนโยบายของคณะรัฐมนตรีและแนสนโยบายกระทรวง ง. สอดคล้องกับยุทธศาสตร์และวิสัยทัศน์การพัฒนาประเทศ 10. ในการบริหารราชการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนนั้นส่วนราชการจะต้องต้องมีแนวทางในการบริหารราชการกี่ประการ ก. 5 ประการข. 6 ประการ ค. 7 ประการ ง. 8 ประการ 11. ส่วนราชการใดที่จะต้องดำเนินการให้เกิดประโยชน์สูงสุดของประชาชนนั้นจะต้องมีการกำหนดแนวทางการบริหารราชการตามข้อใดเป็นอันดับแรก ก. กำหนดภารกิจการบริหารกิจการราชการให้สอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐ ข. จะต้องมีการศึกษาวิเคราะห์ผลดีผลเสียให้ครบทุกด้านที่กระทบต่อประชาชน ค. ศึกษาปัญหาและอุปสรรคก่อนการดำเนินการแล้วปรับปรุงโดยเร็ว ง. ถูกทุกข้อที่กล่าวมา 12. ในทางปฏิบัติหากมีกรณีที่เกิดปัญหาและอุปสรรคจากการดำเนินการให้ส่วนราชการปฏิบัติ ตามข้อใด ก. แก้ไขปัญหาและอุปสรรคนั้นโดยเร็ว ข. แจ้งเรียนส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้องได้ทราบปัญหา ค. แจ้ง ก.พ.ร. ให้รับทราบ ง. แจ้งผู้บังคับบัญชาให้แก้ไขระเบียบข้อบังคับมันโดยเร็ว 13. ในการบริหารราชการเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐส่วนราชการจะต้องปฏิบัติภารกิจนั้นจะต้องดำเนินการตามข้อใดเป็นอันดับแรก ก. จัดทำแบบปฏิบัติราชการโดยมีรายละเอียดของขั้นตอนระยะเวลาและงบประมาณตลอดจน เป้าหมายของภารกิจนั้น ข. รับความฟังความคิดเห็นและความพึงพอใจของประชาชนผู้รับบริการมาศึกษาวิเคราะห์แล้ว กำหนดภารกิจ ค. จัดให้มีการติดตามประเมินผลการปฏิบัติตามภารกิจหลักเกณฑ์และวิธีที่ส่วนราชการกำหนดขึ้น ง. กำหนดภารกิจการบริหารราชการให้สอดคล้องกับ แนวนโยบายของรัฐ 14. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องจัดทำแผนปฏิบัติราชการให้สอดคล้องกับแผนการปฏิบัติราชการแผ่นดิน โดยจัดทำ เป็นแผนตามข้อใด ก. 2 ปี ข. 3 ปี ค. 4 ปี ง. 5 ปี 15. หน่วยงานใดขาดให้มีการประเมินความคุ้มค่าในการปฏิบัติภารกิจของรัฐที่ส่วนราชการดำเนินการอยู่ ก. สำนักงบประมาณข. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ค. ก และ ข ถูกง. ถูกเฉพาะข้อ ข เท่านั้น 16. ในการลดขั้นตอนการปฏิบัติงานนั้นส่วนราชการจะทำตามข้อใด ก. กระจายอำนาจการตัดสินใจเกี่ยวกับการสั่งการอนุญาตการอนุมัติให้แก่ผู้ดำเนินการเรื่องนั้นได้โดยตรง ข. ลดขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ไม่จำเป็นและเพิ่มภารกิจที่บริการให้มากที่สุด ค. ให้ประชาชนผู้ร่วมบริการรวมกันจัดตั้งศูนย์บริการร่วมและศูนย์บริการเพียงแห่งเดียว 17. ในการปฏิบัติราชการที่เกี่ยวข้องกับการอำนวยความสะดวกและการตอบสนองความต้องการของประชาชน ส่วนราชการจะจัดให้มีตามข้อใด ก. กำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จของงานแต่ละงานและประกาศให้ประชาชนได้ทราบทั่วกัน ข. ให้มีระบบเครือข่ายสารสนเทศของส่วนราชการหรือข้อมูลหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวข้องกับ การปฏิบัติราชการของส่วนราชการนั้น ค. ให้มีอำนาจออกกฎระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศเพื่อบังคับใช้ ง. ถูกทุกข้อที่กล่าวมา 18. ผู้ที่ทำหน้าที่ประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการคือข้อใด ก. คณะ ก.ร.ม. ข. ก.พ.ร. ค. ก.พ. ง. คณะผู้ประเมินอิสระ 19. ในการประเมินผลการปฏิบัติราชการอาจจัดให้มีการประเมินข้อใดบ้าง ก. ผู้บังคับบัญชา ข. หน่วยงานในส่วนราชการ ค. ข้าราชการ ง. ถูกทุกข้อที่กล่าวมา 20. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องจัดทำหลักเกณฑ์การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีตามแนวทางของภารกิจนี้ อย่างน้อยจะต้องมีหลักเกณฑ์เกี่ยวข้องกับข้อใดบ้าง ก. การลดขั้นตอน การปฏิบัติงานและการอำนวยความสะดวกและการตอบสนองความต้องการ ของประชาชน ข. เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐและเกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ ค. เกิดประโยชน์สูงสุดของประชาชนและไม่มีขั้นตอนการปฏิบัติเกินความจำเป็น ง. ถูกทุกข้อที่กล่าวมา 21. ผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลและให้ความช่วยเหลือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดทำหลักเกณฑ์การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีตามแนวทางของพระราชกฤษฎีกานี้ คือ ก. สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ข. สำนักนายกรัฐมนตรี ค. กระทรวงมหาดไทยง. กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 22. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 ใช้ระหว่าง พ.ศ.2550-2554 (ครม.เห็นชอบเมื่อวันอังคารที่ 15 ส.ค.49) 23. วิสัยทัศน์ประเทศไทยในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 10 มีสาระ ดังนี้ มุ่งพัฒนาสู่ “ สังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน คนไทยมีคุณธรรมนำความรอบรู้ รู้เท่าทันโลก ครอบครัวอบอุ่น ชุมชน เข้มแข็ง สังคมสันติสุข เศรษฐกิจมีคุณภาพและเป็นธรรม สิ่งแวดล้อมมีคุณภาพและทรัพยากรธรรมชาติยั่งยืนอยู่ภายใต้ ระบบบริหารจัดการประเทศที่มีธรรมาภิบาล ดำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขและอยู่ใน ประชาคมโลกได้อย่างมีศักดิ์ศรี ” 24. พันธกิจ ในการพัฒนาประเทศในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 10 มุ่งสู่ “ สังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน ” ภายใต้แนวปฏิบัติของ “ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ” ดังนี้ 1) พัฒนาคนให้มีคุณภาพพร้อมคุณธรรมและรอบรู้อย่างเท่าทัน 2) เสริมสร้างเศรษฐกิจให้มีคุณภาพ เสถียรภาพ และเป็นธรรม 3) ดำรงความหลากหลายทางชีวภาพและสร้างความมั่นคงของฐานทรัพยากรธรรมชาติและคุณภาพสิ่งแวดล้อม 4) พัฒนาระบบริหารจัดการประเทศให้เกิดธรรมาภิบาล ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่มีองค์พระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข 25. เป้าหมาย ของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 10 มี 5 ด้าน คือ 1) ด้านการพัฒนาคุณภาพคน 2) ด้านการพัฒนาชุมชนและแก้ปัญหาความยากจน 3) ด้านเศรษฐกิจ 4) ด้านการสร้างความมั่นคงของฐานทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม 5) ด้านธรรมาภิบาล 26. ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 10 มี ดังนี้ 1) การพัฒนาคุณภาพคนและสังคมไทยสู่สังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้ 2) การสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและสังคมให้เป็นรากฐานที่มั่นคงของประเทศ 3) การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้สมดุลและยั่งยืน 4) การพัฒนาบนฐานความหลากหลายทางชีวภาพและการสร้างความมั่นคงของฐานทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม 5) การเสริมสร้างธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการประเทศ 27. วัตถุประสงค์ ของการพัฒนาประเทศในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 10 1) เพื่อสร้างโอกาสการเรียนรู้คู่คุณธรรม จริยธรรมอย่างต่อเนื่อง 2) เพื่อเพิ่มศักยภาพของชุมชน เชื่อมโยงเป็นเครือข่าย 3) เพื่อปรับโครงสร้างการผลิตสู่การเพิ่มคุณค่าของสินค้าและบริการ 4) เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและระบบบริหารความเสี่ยง 5) เพื่อสร้างระบบการแข่งขันด้านการค้าและการลงทุนให้เป็นธรรม 6) เพื่อเสริมสร้างความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม 7) เพื่อเสริมสร้างธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการประเทศ 28 . จริยธรรมที่ใช้ในการทำงานของผู้บริหารและนักพัฒนา อคติ 4 ประการ คือ 1. ฉันทาคติ ความลำเอียงเพราะชอบ 2. โทสาคติ ความลำเอียงเพราะชั่ว 3. โมหะคติ ความลำเอียงเพราะหลง 4. ภยาคติ ความลำเอียงเพราะกลัว สังคหวัตถุ 4 ประการ คือ 1. ทาน คือ การให้ 2. ปิยวาจา คือ การพูดจาด้วยถ้อยคำไพเราะอ่อนหวาน 3. อัตถจริยา คือ ทำตัวให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น 4. สมานัตตตา คือ การปฏิบัติตนอย่างเสมอต้นเสมอปลาย วางตัวสม่ำเสมอ พรหมวิหาร 4 ประการ คือ 1. เมตตา ปรารถนาให้ผู้อื่นมีสุข 2. กรุณา ความสงสารช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ 3. มุทิตา ความยินดีเมื่อผู้อื่นมีความสุข 4. อุเบกขา ความมีใจเป็นกลาง การวางเฉย
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และแก้ไขเพิ่มเติม 29. ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ “การพัสดุ” หมายความว่า การจัดทำเอง การซื้อ การจ้าง การจ้าที่ปรึกษา การจ้างออกแบบและควบคุมงาน การแลกเปลี่ยน การเช่า การควบคุม การจำหน่าย การดำเนินการอื่นที่กำหนดไว้ในระเบียบ 30. “พัสดุ” หมายความ วัสดุ ครุภัณฑ์ ที่ดินและสิ่งก่อสร้าง 31. “หัวหน้าส่วนราชการ” หมายถึง - สำหรับราชการบริหารส่วนกลาง หมายถึง อธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและ มีฐานะเป็นนิติบุคคล - สำหรับราชการส่วนภูมิภาค หมายถึง ผู้ว่าราชการจังหวัด 32. “หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ” หมายถึง หัวหน้าหน่วยงานระดับกองหรือที่มีฐานะเทียบเท่ากอง ซึ่งปฏิบัติงานในสายงานที่เกี่ยวกับพัสดุ ตามองค์กรกลางบริหารงานบุคคลกำหนด หรือข้าราชการอื่น ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากหัวหน้าส่วนราชการให้เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ แล้วแต่กรณี 33. “เจ้าหน้าที่พัสดุ” หมายถึง เจ้าหน้าที่ซึ่งดำรงตำแหน่งที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการพัสดุ หรือผู้ได้รับ แต่งตั้งจากหัวหน้าส่วนราชการให้มีหน้าที่หรือปฏิบัติงานเกี่ยวกับการพัสดุ 34. การซื้อหรือการจ้างกระทำได้ 6 วิธี คือ 1) วิธีตกลงราคา คือการซื้อหรือการจ้างครั้งหนึ่งซึ่งมีราคาไม่เกิน 100,000 บาท 2) วิธีสอบราคา คือการซื้อหรือการจ้างครั้งหนึ่งซึ่งมีราคาเกิน 100,000 บาท แต่ไม่เกิน 2,000,000 บาท 3) วิธีประกวดราคา คือการซื้อหรือการจ้างครั้งหนึ่งซึ่งมีราคาเกิน 2,000,000 บาท 4) วิธีพิเศษ 5) วิธีกรณีพิเศษ 6) วิธีประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด 35. คณะกรรมการที่ดำเนินการตามระเบียบฯ ประกอบด้วยประธานกรรมการ 1 คน และ กรรมการอย่างน้อย 2 คน โดยปกติเดิมให้แต่งตั้งจากข้าราชการระดับ 3 หรือเทียบเท่าขึ้นไป ในกรณี จำเป็นหรือเพื่อประโยชน์ของทางราชการ จะแต่งตั้งบุคคลที่มิใช่ข้าราชการร่วมเป็นกรรมการก็ได้ 36. การซื้อหรือการจ้างในวงเงินไม่เกิน 10,000 บาท จะแต่งตั้งข้าราชการหรือลูกจ้างประจำคนหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ผู้จัดซื้อหรือจัดจ้างเป็นผู้ตรวจรับพัสดุหรืองานจ้าง โดยให้ปฏิบัติหน้าที่เช่นเดียวกับ คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ 37. การซื้อหรือการจ้างโดยวิธีตกลงราคา ในกรณีจำเป็นและเร่งด่วนถ้าเกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดหมายไว้ ก่อนและไม่อาจดำเนินการตามปกติได้ทัน ให้เจ้าหน้าที่พัสดุหรือเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในการปฏิบัติ ราชการนั้นดำเนินการไปก่อนแล้วรีบรายงานของความเป็นชอบต่อหัวหน้าส่วนราชการ และเมื่อ หัวหน้าส่วนราชการให้ความเป็นชอบแล้ว ให้ถือว่ารายงานดังกล่าวเป็นหลักฐานการตรวจรับโดย อนุโลม 38. การซื้อหรือการจ้างโดยวิธีสอบราคา ก่อนวันเปิดซองสอบราคาไม่น้อยกว่า ๑๐ วัน สำหรับการสอบ ราคาในประเทศ หรือไม่น้อยกว่า ๔๕ วัน สำหรับการสอบราคานานาชาติ ให้เจ้าหน้าที่พัสดุส่ง ประกาศเผยแพร่การสอบราคาและเอกสารสอบราคาไปยังผู้มีอาชีพขายหรือรับจ้างทำงานนั้น โดยตรง หรือโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้กับปิดประกาศไว้โดยเปิดเผย ณ ส่วนราการนั้น 39. ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมถึงฉบับ 6 พ.ศ. 2544 40. ผู้รักษาการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535คือ ปลัดกระทรวงการคลัง 41. หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุและเจ้าหน้าที่พัสดุ ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้แต่งตั้งในระดับภูมิภาค 42. คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ (กวพ.) ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่เกิน 5 คน มีวาระคราวละ 2 ปี 43. การตรวจสอบพัสดุประจำปี ดำเนินการ ก่อนสิ้นเดือนกันยายนทุกปี ให้หัวหน้าส่วนราชการหรือหัวหน้าหน่วยงานแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ในส่วนราชการ ซึ่งไม่ใช่เจ้าหน้าที่พัสดุคนหนึ่ง หรือหลายคนตามความจำเป็น เพื่อตรวจสอบการจ่ายพัสดุ งวดตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ปีก่อน จนถึงวันที่ 30 กันยายน ปีปัจจุบัน ระเบียบฯ ว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ.2535 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2539 44. การลา ตามระเบียบฯ ว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ.2535 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2539 มี 9 ประเภท ได้แก่ 1. ลาป่วย 2. ลากิจส่วนตัว 3. ลาคลอดบุตร 4. ลาพักผ่อน 5. ลาอุปสมบท 6. ลาตรวจเลือก/ระดมพลทหาร 7. ลาศึกษา ฝึกอบรม ดูงาน 8. ลาไปปฏิบัติงานองค์การระหว่างประเทศ 9. ลาติดตามคู่สมรส 45. การลาป่วย ลาได้ดังนี้ 1. ลาได้ไม่เกิน 120 วันทำการ เว้นแต่อันตรายจากปฏิบัติหน้าที่ 2. ลา 30 วันขึ้นไป ต้องมีใบรับรองแพทย์ (ไม่ถึง 30 วัน ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชา) 46. การลากิจส่วนตัว ลาได้ดังนี้ 1. ลาได้ไม่เกิน 45 วันทำการ 2. ลากิจส่วนตัวเลี้ยงดูบุตรให้ลาต่อเนื่องจากการลาคลอดได้ไม่เกิน 150 วันทำการโดยไม่ได้รับเงินเดือน 47. ลาคลอดบุตร ลาได้ไม่เกิน 90 วัน (นับจากวันเริ่มลาทุกวันแม้วันหยุด) 48. ลาอุปสมบท/พิธีฮัจย์ ไม่เกิน 120 วัน ส่งใบลาก่อนวันบวช/วันไป ไม่น้อยกว่า 60 วัน ต่อปลัดกระทรวง 49. ลาศึกษาต่อ ฝึกอบรม ดูงาน/ลาไปปฏิบัติงานองค์การระหว่างประเทศ/ลาติดจามคู่สมรส ลาได้ไม่เกิน 4 ปี 50. พัฒนาการอำเภอ มีอำนาจอนุญาตให้ข้าราชการทุกตำแหน่งในฝ่าย ลาป่วยครั้งที่หนึ่งไม่เกิน 30 วัน ลากิจส่วนตัวครั้งหนึ่งไม่เกิน 15 วัน 51. นายอำเภอ มีอำนาจให้ข้าราชการทุกตำแหน่งในส่วนราชการ ลาได้ดังนี้ 1. ลาป่วยครั้งหนึ่งไม่เกิน 60 วัน ลากิจส่วนตัวครั้งหนึ่งไม่เกิน 30 วัน 2. ลาคลอดบุตร 3. ลาพักผ่อน 52. ผู้ว่าราชการจังหวัด มีอำนาจให้ข้าราชการในสังกัด ลาได้ ดังนี้ 1. ลาป่วย 120 วัน , ลากิจ 45 วัน 2. ลาคลอดบุตร 3. ลาพักผ่อน 4. ลาเข้ารับการระดมพล 53. การลาพักผ่อน มีแนวทางการดำเนินการ ดังนี้ 1. ต้องเข้ารับราชการแล้ว ครบ 6 เดือน 2. ลาได้ 10 วัน/ปี 3. ลาสะสมได้ไม่เกิน 20 วัน/ปี เว้นแต่รับราชการ 10 ปี มีวันลาสะสมได้ไม่เกิน 30 วัน 54. การนับวันลาตามระเบียบนี้ ให้นับตามปีงบประมาณ 55. การลากิจส่วนตัว, ลาพักผ่อน และลาป่วย ที่มิใช่ลาป่วยตามกฎหมายว่าด้วยการสงเคราะห์ข้าราชการ ผู้ได้รับอันตราย หรือการเจ็บป่วยเพราะเหตุปฏิบัติราชการ ให้นับเฉพาะวันทำการ 56. การขออนุญาตไปต่างประเทศซึ่งอยู่ติดเขตแดนประเทศไทย ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอใน ท้องที่ที่มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศใด มีอำนาจอนุญาตให้ข้าราชการในราชการบริหารส่วนภูมิภาค ในสังกัดจังหวัด หรืออำเภอนั้น ๆ ไปประเทศนั้นได้ โดย - ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจอนุญาตได้ครั้งหนึ่งไม่เกิน 7 วัน -นายอำเภอมีอำนาจอนุญาตได้ครั้งหนึ่งไม่เกิน 3 วัน 57. การลาอุปสมบทหรือการลาไปประกอบพิธีฮัจย์ โดยปกติให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชา ตามลำดับ จนถึงผู้มีอำนาจพิจารณาหรืออนุญาตก่อนวันลาอุปสมบทหรือก่อนวันเดินทางไปประกอบ พิธีฮัจย์ไม่น้อยกว่า 60 วัน แต่ถ้ามีเหตุพิเศษไม่อาจเสนอหรือจัดส่งใบลาได้ ให้ชี้แจงเหตุผลความ จำเป็นประกอบการลา และให้อยู่ในดุลยพินิจของผู้มีอำนาจที่จะพิจารณาให้ลาหรือไม่ก็ได้ 58. ข้าราชการที่ได้รับหมายเรียกเข้ารับการตรวจเลือกให้รายงานการลาต่อผู้บังคับบัญชาก่อนวันเข้ารับ การตรวจเลือกไม่น้อยกว่า 48 ชั่วโมง 59. ข้าราชการทีได้รับหมายเรียกเข้ารับการเตรียมพล ให้รายงานต่อผู้บังคับบัญชาภายใน 48 ชั่วโมง นับแต่เวลารับหมายเรียกเป็นต้นไป 60. การลาตามข้อ58,59 ข้าราชการผู้นั้นให้ไปเข้ารับการตรวจเลือก หรือเข้ารับการเตรียมพล ตามวัน เวลาในหมายเรียกนั้น โดยไม่ต้องรอรับคำสั่งอนุญาต 61. การลาติดตามคู่สมรส ข้าราชการซึ่งประสงค์จะลาให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชา ตามลำดับ จนถึงปลัดกระทรวง หรือหัวหน้าส่วนราชการชั้นตรงแล้วแต่กรณี เพื่อพิจารณาอนุญาตให้ ลาได้ไม่เกิน 2 ปี และในกรณีจำเป็น อาจอนุญาตให้ลาต่อได้อีก 2 ปี ถ้าเกิน 4 ปี ให้ลาออกจาก ราชการ
สั่งซื้อที่
ส่งเป็นไฟล์ทางอีเมล์ สนใจสั่งซื้อมาที่ โทร 085-0127724 Line : testthai1 สามารถนำไปปริ้นเพื่นอ่านได้เลย ในราคาเพียงส่ชุดละ 399 บาท ได้รับภายใน 2-3 ชม. ส่ง EMS ทางไปรษณีย์ เป็นหนังสือ +MP3 ราคา 679 บาท ได้รับภายใน 2-3 วัน กรุณาชำระค่าสินค้าและบริการ เลขที่บัญชี 491-2-00428-2 ธ.กสิกรไทย ออมทรัพย์ ชื่อบัญชี decho pragay
[font=arial ]ผลงานการสอบได้ของลูกค้า ติดตามข่าวการสอบราชการที่ https://www.facebook.com/testthai1 ดาวน์โหลดแนวข้อสอบรับราชการที่นี่ www.ข้อสอบงานราชการไทย.com
|
|