1) พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์ชนผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยประมาทขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี จำเลยให้การรับสารภาพว่ากระทำผิดตามฟ้องจริง ศาลชั้นต้นสั่งให้พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะข้อเท็จจริงเสนอ พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะแล้วเสนอรายงานว่า ความจริง จำเลยไม่ได้ขับรถชนผู้ตาย ญาติของจำเลยเป็นคนขับแต่ได้ขอให้จำเลยรับผิดแทนดังนี้ ให้วินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นจะฟังข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในรายงานของพนักงานคุมประพฤติ แล้วพิพากษายกฟ้องทันทีได้หรือไม่ ( เนติ 54 )
ก. รายงานของพนักงานคุมประพฤติเพยานเป็นหลักฐาน ศาลจึงฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติตามรายงานดังกล่าว แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ทันทีได้
ข. รายงานของพนักงานคุมประพฤติมิใช่พยานหลักฐาน ศาลจะนำมาใช้เป็นหลักในการวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าจำเลยกระทำผิดหรือมิได้กระทำผิดไม่ได้ ศาลจึงฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติตามรายงานดังกล่าว แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ทันทีไม่ได้
ค. เป็นดุลพินิจของศาล ศาลจึงฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติตามรายงานดังกล่าว แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ทันทีได้
ง. ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ค
2) ศาลชั้นต้นจะถือข้อเท็จจริงเป็นยุติตามคำให้การรับสารภาพของจำเลย แล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด โดยไม่คำนึงถึงรายงานของพนักงานคุมประพฤติเลย ชอบหรือไม่ ( เนติ 54 )
ก. แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพว่ากระทำผิดตามฟ้อง และข้อหานั้น กฎหมายมิได้กำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ 5 ปี ขึ้นไปหรือโทษสถานที่หนักกว่านั้น ซึ่ง ป.วิ.อาญา มาตรา 176 วรรคหนึ่ง ให้อำนาจศาลที่จะพิพากษาทันทีโดยไม่ต้องสืบพยานหลักฐานต่อไปก็ได้ แต่ในคดีอาญาหากมีมูลกรณีให้เห็นว่าจำเลยจะมิใช่ผู้กระทำผิด ศาลก็ชอบที่จะให้มีการสืบพยานหลักฐานกันต่อไป
ข. จำเลยจะให้การรับสารภาพว่ากระทำผิดตามฟ้อง ศาลก็ชอบที่จะมีคำพิพากษา
ค. ศาลชอบที่จะให้มีการพิพากษาทุกกรณี
ง. ไม่มีข้อใดถูก
3) นายแดงลักแหวนเพชรของนายขาวไปจากบ้านพักที่อยู่ในท้องที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครสวรรค์ แล้วขับรถยนต์หลบหนีไปทางจังหวัดกำแพงเพชร ร้อยตำรวจเอกสมศักดิ์ เจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองกำแพงเพชรทราบเรื่องจึงได้ไปตั้งด่านเพื่อจับกุม แต่นายแดงรู้ตัวเสียก่อนได้ขับรถยนต์หลบหนีไปทางจังหวัดตาก ร้อยตำรวจเอกสมศักดิ์จับกุมนายแดงได้พร้อมแหวนเพชรของนายขาวที่นายแดงลักเอาไปที่อำเภอเมืองตาก จังหวัดตากนำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองกำแพงเพชรทำการสอบสวนดำเนินคดี พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองกำแพงเพชรทำการสอบสวนเสร็จ แล้วส่งสำนวนให้พนักงาน อัยการจังหวัดกำแพงเพชรดังนี้ ให้วินิจฉัยว่าพนักงานสอบสวนแห่งท้องที่ใดบ้างที่มีอำนาจสอบสวนคดีนี้ พนักงานสอบสวนแห่งท้องที่ใดเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ ( เนติ 52 )
ก. พนักงานสอบสวนท้องที่อำเภอเมืองนครสวรรค์
ข. พนักงานสอบสวนท้องที่อำเภอเมืองกำแพงเพชร
ค. พนักงานสอบสวนท้องที่อำเภอเมืองตาก
ง. ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ค.
4) ตามข้อ 53 พนักงานอัยการจังหวัดกำแพงเพชรมีอำนาจฟ้องคดีนี้หรือไม่ ( เนติ 52 )
ก. มีอำนาจฟ้อง
ข. ไม่มีอำนาจฟ้อง
ค. มีอำนาจฟ้อง แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากอัยการสูงสุด
ง. ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ค.
5) นางสาวสวยเดินทางโดยเครื่องบินของบริษัทการบินไทย จำกัด ไปประเทศสิงคโปร์ ขณะที่เครื่องบินกำลังบินอยู่เหนือประเทศสิงคโปร์ นายหนุ่มซึ่งโดยสารอยู่ในเครื่องบินลำเดียวกันเสพสุรามึนเมา ได้กระทำอนาจารต่อนางสาวสวย เมื่อนางสาวสวยเดินทางกลับประเทศไทย ได้ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และต่อมาอัยการสูงสุดได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอหาดใหญ่ทำการสอบสวนคดี แต่นางสาวสวยเห็นว่าพนักงานสอบสวนดำเนินคดีล่าช้า จึงประสงค์จะยื่นฟ้องคดีเอง ให้วินิจฉัยว่า นางสาวสวยจะยื่นฟ้องคดีด้วยตนเองได้หรือไม่ และจะยื่นฟ้องนายหนุ่มต่อศาลใดได้บ้าง ( เนติ 51 )
ก. ยื่นฟ้องได้ ที่ศาลจังหวัดสงขลา
ข. ยื่นฟ้องได้ ที่ศาลจังหวัดสงขลา
ค. ยื่นฟ้องไม่ได้
ง. ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ข.
6) พันตำรวจโทสนิท พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนดำเนินคดีตามคำร้องทุกข์ของนายเสนอผู้เสียหาย ซึ่งกล่าวหาว่านายสนองผู้ต้องหากระทำการฉ้อโกงทรัพย์ของนายเสนอ ปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม ระหว่างสอบสวนนายเสนอ และนายสนองได้ทำความตกลงด้วยวาจายอมเลิกคดีต่อกัน โดยนายสนองยินยอมผ่อนชำระค่าเสียหายเนื่องจากการะกระทำความผิดในคดีนี้ให้แก่นายเสนอเป็นสองงวด นายเสนอ และนายสนองได้มาแจ้งถึงความตกลงดังกล่าวให้พันตำรวจโทสนิท ทราบ ต่อมานายสนองไม่ได้ชำระเงินค่าเสียหายให้แก่นายเสนอตามที่ตกลงกันไว้ นายเสนอจึงขอให้พันตำรวจโทสนิท สอบสวนดำเนินคดีนี้แก่นายสนองต่อไป ให้วินิจฉัยว่า พันตำรวจโทสนิท จะมีอำนาจสอบสวนดำเนินคดีนี้แก่นายสนองต่อไปได้หรือไม่ ( เนติ 51 )
ก. สอบสวนได้ เพราะคดียังไม่ระงับ
ข. สอบสวนได้เฉพาะข้อหาปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม
ค. สอบสวนไม่ได้ เฉพาะคดีระงับไปหมดแล้ว
ง. สอบสวนได้เฉพาะข้อหาฉ้อโกงทรัพย์
7) นางสายถูกนายกล้ายกยอกแหวนเพชรไปในเขตอำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรีจึงได้ไปร้องทุกข์เรื่องที่ตนถูกนายกล้ายักยอกทรัพย์ต่อสิบตำรวจตรีซื่อ ซึ่งเป็นตำรวจจราจร สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนนทบุรี ต่อมาอีกหนึ่งสัปดาห์ นางสายเห็นนายกล้าเดินเที่ยวอยู่ในห้างสรรพสินค้าในเขตบางเขน กรุงเทพมหานคร นางสายจึงแจ้งให้สิบตำรวจเอกตรง จับนายกล้า โดยแจ้งว่าได้ร้องทุกข์ไว้ตามระเบียบแล้ว สิบตำรวจเอกตรงจึงไปทำการจับกุมนายกล้าได้ในห้างสรรพสินค้าดังกล่าว แล้วควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนนทบุรี ในระหว่างที่นายกล้าถูกควบคุมตัวโดยพนักงานสอบสวน นายกล้าได้ยื่นคำร้องต่อศาลนนทบุรี ขอให้ปล่อยตัวโดยอ้างว่าคดีนี้เป็นคดีความผิดอันยอมความได้แต่มิได้มีการร้องทุกข์ ข้ออ้างของนายกล้ารับฟังได้หรือไม่( เนติ 51 )
ก. รับฟังได้ เพราะไม่ได้ร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน
ข. รับฟังได้ เพราะไม่ได้ร้องทุกข์กับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่
ค. รับฟังไม่ได้ เพราะการร้องทุกข์จะร้องทุกข์กับตำรวจใดก็ได้ ง.ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ข.
8) ตามข้อ 57 หากนายกล้าต่อสู้ว่าสิบตำรวจเอกตรงทำการจับโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะไม่มีหมายจับและหมายค้น ให้วินิจฉัยว่า ข้ออ้างของนายกล้ารับฟังได้หรือไม่( เนติ 51 )
ก. รับฟังได้ เพราะการจับกุมต้องมีหมายหรือคำสั่งจากศาล
ข. รับฟังได้ เพราะการจับกุมต้องมีหมายหรือคำสั่งจากนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่
ค. รับฟังไม่ได้ เพราะผู้เสียหายชี้ให้ทำการจับกุมได้
ง. ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ข.
9) นายแดงและนายขาวต่างเป็นโจทก์ฟ้องนายดำในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ศาลชั้นต้นสั่งรวมพิจารณาคดีทั้งสองเรื่องเข้าด้วยกัน หลังจากสืบพยานโจทก์นัดแรกไปแล้ว ในการสืบพยานโจทก์นัดต่อมา นายขาวและทนายของนายขาวมาศาล ส่วนนายแดงและทนายของนายแดงไม่มาโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งในรายงานกระบวนพิจารณาให้ยกฟ้องคดีที่นายแดงเป็นโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 ประกอบมาตรา 181 นายแดงอุทธรณ์ว่า เมื่อศาลรวมพิจารณาคดีที่นายแดงเป็นโจทก์เข้ากับคดีที่นายขาวเป็นโจทก์ การฟังพยานหลักฐานตลอดจนการพิพากษาคดีต้องถือเป็นคดีเดียวกัน แม้ถึงวันนัดสืบพยาน โจทก์ทั้งสองจะมีแต่นายขาวและทนายของนายขาวมาศาลก็ตาม ต้องถือว่านายแดงมาศาลด้วย อีกทั้งมิใช่เป็นการนัดสืบพยานโจทก์นัดแรก การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้องในคดีที่นายแดงเป็นโจทก์ จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้วินิจฉัยว่า อุทธรณ์ของนายแดงฟังขึ้นหรือไม่( เนติ 51 )
ก. ฟังไม่ขึ้น เพราะเป็นหน้าที่ของโจทก์ต้องมาศาลในวันนัดสืบพยานทุกนัด การรวมคดีก็เพื่อสะดวกในการพิจารณาและพิพากษาเท่านั้น
ข. ฟังขึ้น เพราะมีการรวมคดีและนายขาว ทนายความนายขาวโจทก์ก็มาศาลแล้ว
ค. ฟังขึ้น เพราะในดคอาญาโจทก์ไม่จำต้องมาศาลในวันนัดสืบพยานทุกนัด
ง. ไม่มีข้อใดถูก
10) พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีลูกระเบิดขว้างชนิดสังหารไว้ในครอบครอง อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษประหารชีวิตอันเป็นบทหนัก จำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยตลอดชีวิต จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ อีกกรรมหนึ่ง จำเลยฎีกาว่าไม่ได้กระทำผิด แต่หากศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยกระทำผิด จำเลยก็ขอให้ศาลฎีกาลงโทษประหารชีวิตโดยไม่ต้องลดโทษให้แก่จำเลย เช่นนี้หากศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยกระทำผิดจะพิพากษาลงโทษประหารชีวิตโดยไม่ลดโทษให้จำเลยได้หรือไม่( เนติ 51 )
ก. ได้ เพราะเป็นฎีกาให้เพิ่มโทษของจำเลยเอง
ข. ได้ เพราะอัตราโทษที่ฟ้องระบุถึง
ค. ไม่ได้ เพราะศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้นแล้ว
ง. ไม่ได้ เพราะโจทก์ไม่ได้ฎีกาให้เพิ่มโทษ
11) พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพรากเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร ซึ่งความผิดดังกล่าวต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ถึง 20 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยแล้วพิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุก 6 ปี จำเลยอุทธรณ์ว่า พยานหลักฐานโจทก์ยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยอ้างว่า จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องแล้วให้วินิจฉัยว่า ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยเป็นการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่( เนติ 51 )
ก. จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์ เพราะเป็นอุทธรณ์ในข้อกฎหมาย อุทธรณ์ของจำเลยจึงชอบด้วยกฎหมาย
ข. จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์ ดังนั้น อุทธรณ์ของจำเลยจึงชอบด้วยกฎหมาย
ค. จำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์ ดังนั้น อุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ง. จำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์ เพราะเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง
12) เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2542 พันตำรวจโทยุทธศักดิ์ พนักงานสอบสวนขอศาลออกหมายจับนางสมศรีในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น และได้สืบสวนจนทราบว่านางสมศรีอยู่ในบ้านของตนซึ่งตามสำเนาทะเบียนบ้านปรากฏชื่อนายสมศักดิ์สามีของนางสมศรีเป็นเจ้าบ้าน พันตำรวจโทยุทธศักดิ์ จึงมอบหมายให้พันตำรวจตรีทรงวุธนำกำลังตำรวจจำนวนหนึ่งไปขอค้นบ้านนายสมศักดิ์โดยไม่มีหมายค้น นายสมศักดิ์ไม่ยอมให้ค้น พันตำรวจตรีทรงวุธจึงแสดงหมายจับนางสมศรี และอ้างว่าตนเป็นพนักงานตำรวจชั้นผู้ใหญ่สามารถทำการค้นได้โดยไม่ต้องมีหมาย และขู่ว่าถ้านายสมศักดิ์ไม่ให้ความร่วมมือจะถูกดำเนินคดี นายสมศักดิ์จึงจำยอม และพันตำรวจตรีทรงวุธจึงจับกุมนางสมศรีได้ ให้วินิจฉัยว่าข้ออ้างของพันตำรวจตรีทรงวุธรับฟังได้หรือไม่ และการกระทำของพันตำรวจตรีทรงวุธชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ( เนติ 51 )
ก. ข้ออ้างของพันตำรวจตรีทรงวุธรับฟังได้ และการกระทำของพันตำรวจตรีทรงวุธชอบด้วยกฎหมาย
ข. ข้ออ้างของพันตำรวจตรีทรงวุธรับฟังได้ และการกระทำของพันตำรวจตรีทรงวุธไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ค. ข้ออ้างของพันตำรวจตรีทรงวุธรับฟังไม่ได้ และการกระทำของพันตำรวจตรีทรงวุธชอบด้วยกฎหมาย
ง. ข้ออ้างของพันตำรวจตรีทรงวุธรับฟังไม่ได้ และการกระทำของพันตำรวจตรีทรงวุธไม่ชอบด้วยกฎหมาย
13) นางวิไลมีบุตรสองคนคือ นายสมศักดิ์ อายุ 24 ปี และนายสมทรงอายุ 21 ปี นายสมทรงถูกนายอาวุธใช้อาวุธปืนยิงถึงแก่ความตาย นางวิไลจึงเป็นโจทก์ฟ้องนายอาวุธฐานฆ่านายสมทรงที่ศาลอาญา ศาลอาญาไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งประทับฟ้อง ขณะคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอาญา พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนคดีที่นายอาวุธใช้อาวุธปืนยิงนายสมทรงถึงแก่ความตาย ส่งให้พนักงานอัยการพิจารณา พนักงานอัยการพิจารณาแล้วได้ยื่นฟ้องนายอาวุธที่ศาลอาญาฐานฆ่านายสมทรงอีกคดีหนึ่ง ต่อมานางวิไลถึงแก่ความตาย นายสมศักดิ์จึงร้องขอต่อศาลอาญาเพื่อดำเนินคดีแทนนางวิไลต่อไป หากปรากฏว่าคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์นายอาวุธคัดค้านว่าพนักงานอัยการไม่มีอำนาจฟ้องเพราะเป็นการฟ้องซ้อนกับคดีที่นางวิไลได้ยื่นฟ้องนายอาวุธไว้แล้ว ให้วินิจฉัยว่า ข้อคัดค้านของนายอาวุธดังกล่าวฟังขึ้นหรือไม่ ( เนติ 50 )
ก. ฟังไม่ขึ้น เพราะไม่มีกฎหมายจำกัดอำนาจพนักงานสอบสวนมิให้ยื่นฟ้องในเรื่องเดียวกันนั้นอีก
ข. ฟังไม่ขึ้น เพราะผู้เสียหายและพนักงานอัยการต่างมีอำนาจฟ้องคดีอาญาเรื่องเดียวกันได้
ค. ฟังขึ้น เพราะถือว่าเป็นการฟ้องซ้อน
ง. ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ข.
14) ตามข้อ 63 หากคดีที่นางวิไลเป็นโจทก์ นายอาวุธคัดค้านว่านายสมศักดิ์ไม่มีอำนาจดำเนินคดีแทนนางวิไลต่อไปได้ ให้วินิจฉัยว่า ข้อคัดค้านของนายอาวุธดังกล่าวฟังขึ้นหรือไม่ ( เนติ 50 )
ก. ฟังไม่ขึ้น เพราะไม่มีกฎหมายห้ามไว้
ข. ฟังไม่ขึ้น เพราะเป็นการรับมรดกความ
ค. ฟังขึ้น เพราะนางวิไลไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง
ง. ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ข.
15) นายคมถูกพนักงานสอบสวนจับกุมสอบสวนในข้อหาฉ้อโกงนายขำและนายเขียว และทำร้ายร่างกายนายเขียวได้รับอันตรายสาหัส ต่อมาพนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องนายคมในข้อหาฉ้อโกง แต่มีคำสั่งฟ้องนายคมในข้อหาทำร้ายร่างกายนายเขียวได้รับอันตรายสาหัส แล้วยื่นฟ้องนายคม ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษนายคมตามฟ้อง นายคมอุทธรณ์ ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ นายเขียวได้ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ ให้วินิจฉัยว่า นายเขียวมีสิทธิขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการในคดีความผิดฐานทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้นายเขียวได้รับอันตรายสาหัส หรือไม่ ( เนติ 50 )
ก. ไม่มีสิทธิ เพราะต้องยื่นฟ้องคดีก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว ขัดกับ ป.วิ.อาญา มาตรา 30
ข. ไม่มีสิทธิ เพราะยื่นคำร้องหลังศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว ขัดกับ ป.วิ.อาญา มาตรา 30
ค. มีสิทธิ เพราะยื่นคำร้องหลังศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว ชอบด้วย ป.วิ.อาญา มาตรา 30
ง. มีสิทธิ เพราะยื่นคำร้องก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 30
16) ตามข้อ 65 คดีข้อหาฉ้อโกง นายขำได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีเอง ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น นายเขียวได้ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับนายขำ ให้วินิจฉัยว่านายเขียวมีสิทธิขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับนายขำในความผิดฐานฉ้อโกงหรือไม่( เนติ 50 )
ก. ไม่มีสิทธิ เพราะ ขัดกับ ป.วิ.อาญา มาตรา 30,31
ข. ไม่มีสิทธิ เพราะยื่นคำร้องหลังศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว ขัดกับ ป.วิ.อาญา มาตรา 30
ค. มีสิทธิ เพราะยื่นคำร้องหลังศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว ชอบด้วย ป.วิ.อาญา มาตรา 30
ง. มีสิทธิ เพราะยื่นคำร้องก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 30
17) คดีราษฎรเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 365 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 365 (3) ซึ่งเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน จำเลยอุทธรณ์ ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า “ความผิดตามมาตรา 365 (3) มิใช่ความผิดต่อส่วนตัว โจทก์ไม่มีสิทธิขอถอนฟ้องในชั้นอุทธรณ์ ให้ยกคำร้อง” ต่อมาศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วพิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 362 ซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัว จำเลยฎีกา ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์และจำเลยยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาขอให้จำหน่ายคดีเพราะโจทก์และจำเลยยอมความกันแล้ว ให้วินิจฉัยว่า คำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ยกคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และศาลฎีกาจะสั่งจำหน่ายคดีได้หรือไม่( เนติ 50 )
ก. ศาลอุทธรณ์ยกคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะถือเป็นคดีอาญาแผ่นดิน และศาลฎีกาสั่งจำหน่ายคดีได้ เพราะถือเป็นความผิดต่อส่วนตัว
ข. ศาลอุทธรณ์ยกคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์นั้นชอบด้วยกฎหมาย เพราะถือเป็นคดีอาญาแผ่นดิน และศาลฎีกาสั่งจำหน่ายคดีไม่ได้ เพราะถือเป็นความผิดต่อส่วนตัว
ค. ศาลอุทธรณ์ยกคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะถือเป็นคดีอาญาแผ่นดิน และศาลฎีกาสั่งจำหน่ายคดีไม่ได้ เพราะถือเป็นความผิดต่อส่วนตัว
ง. ศาลอุทธรณ์ยกคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์นั้นชอบด้วยกฎหมาย เพราะถือเป็นคดีอาญาแผ่นดิน และศาลฎีกาสั่งจำหน่ายคดีได้ เพราะถือเป็นความผิดต่อส่วนตัว
18) พนักงานอัยการฟ้องนายดำต่อศาลอาญาว่านายดำกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา นายดำยื่นคำร้องต่อศาลว่าเป็นการฟ้องเพื่อกลั่นแกล้งทางการเมือง ของให้ศาลไต่สวนมูลฟ้องเสียก่อน ศาลอาญาจึงมีคำสั่งนัดไต่สวนมูลฟ้อง ในวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง นายดำพร้อมทนายความมาศาล พนักงานอัยการนำผู้เสียหายเข้าเบิกความจนจบคำซักถามทนายจำเลยไม่ถามค้าน นายดำยื่นคำให้การรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดตามฟ้องจริง ขอให้ศาลลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษจำคุกไว้ ผู้เสียหายแถลงขอให้ศาลรอการลงโทษให้นายดำ ถ้าศาลอาญาจะพิจารณาพิพากษาคดีให้เสร็จไปในวันนั้น ศาลอาญาจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างไร( เนติ 50 )
ก. ศาลต้องสั่งประทับรับฟ้อง ตาม ป.วิ.อาญามาตรา 162
ข. ศาลต้องสั่งดำเนินกระบวนการพิจารณาต่อไป ตาม ป.วิ.อาญามาตรา 172
ค. ศาลอ่านคำฟ้อง สอบถามคำให้การจำเลย หากจำเลยรับสารภาพ ก็มีคำพิพากษาได้
ง. ถูกทุกข้อ
19) พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องนายเสริมเป็นจำเลยในข้อหาทำร้ายร่างกายนางสาวจิราได้รับอันตรายสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี ในวันนัดพิจารณาจำเลยแถลงต่อศาลว่าไม่ต้องการทนายความและขอให้การรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดตามฟ้องโจทก์ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 4 เดือน ลดโทษในกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 2 เดือน โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ว่า ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยต่ำกว่าโทษขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด และตามพฤติการณ์แห่งคดีสมควรลงโทษจำเลยสถานหนัก ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยต่ำกว่าโทษขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดจริง แต่ตามพฤติการณ์แห่งคดีสมควรรอการลงโทษให้แก่จำเลย จึงพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 6 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุก 3 เดือน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ให้วินิจฉัยว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ( เนติ 50 )
ก. ชอบด้วยกฎหมาย
ข. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ค. เฉพาะกรณีแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำคุกจำเลย 6 เดือน นั้น ชอบด้วยกฎหมาย
ง. เฉพาะกรณีแก้เป็นว่าให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี นั้น ชอบด้วยกฎหมาย
20) ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ลงโทษจำคุกจำเลย 5 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุก 2 เดือน และปรับ 24,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำคุกจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยไม่รอการลงโทษ ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์ ให้วินิจฉัยว่า คำสั่งรับฎีกาของศาลชั้นต้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่(เนติ 50 )
ก. ชอบด้วยกฎหมาย
ข. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามตามกฎหมาย
ค. เฉพาะกรณีแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำคุกจำเลย 2 เดือนและปรับ นั้น ชอบด้วยกฎหมาย
เฉพาะกรณีแก้เป็นว่าให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี นั้น ชอบด้วยกฎหมาย
เปิดจำหน่ายแนวข้อสอบตำรวจสัญญาบัตร สายสอบสวน (สส.5)
รวมทุกอย่างที่ออกข้อสอบ รวมแนวข้อสอบเก่าเด็ดๆๆ และข้อสอบที่ออกบ่อยมาก
ประกอบด้วย
ภาคความรู้ความสามารถเฉพาะตำแหน่ง
1. ประมวลกฎหมายอาญา
2. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
3. กฎหมายลักษณะพยาน
4. - แนวข้อสอบ พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 พร้อมเฉลย
5. - เเนวข้อสอบรัฐธรรมนูญเเห่งราชอาณาจักรไทย 2550 พร้อมเฉลย
6. พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 และกฎ ก.ตร. ที่เกี่ยวข้อง
- กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสืบสวนข้อเท็จจริง พ.ศ. 2547
- กฎ ก.ตร. ว่าด้วยประมวลจริยธรรมและจรรยาบรรณของตำรวจ พ.ศ. 2551 และแก้ไขเพิ่มเติม 2553
7. พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546
8.. รวมคำถามข้อสอบเก่าๆ ที่ออกบ่อยๆ
9. ข้อสอบและสรุป พรบ. ที่ใช้สอบ มากกว่า 2000 ข้อ
สั่งซื้อที่
ส่งเป็นไฟล์ทางอีเมล์ สนใจสั่งซื้อมาที่ โทร 085-0127724 Line : testthai1
สามารถนำไปปริ้นเพื่นอ่านได้เลย ในราคาเพียงส่ชุดละ 399 บาท ได้รับภายใน 2-3 ชม.
ส่ง EMS ทางไปรษณีย์ เป็นหนังสือ +MP3 ราคา 679 บาท ได้รับภายใน 2-3 วัน
กรุณาชำระค่าสินค้าและบริการ
เลขที่บัญชี 491-2-00428-2
ธ.กสิกรไทย ออมทรัพย์ ชื่อบัญชี decho pragay
ผลงานการสอบได้ของลูกค้า
ติดตามข่าวการสอบราชการที่ https://www.facebook.com/testthai1
ดาวน์โหลดแนวข้อสอบรับราชการที่นี่ www.ข้อสอบงานราชการไทย.com