แนวข้อสอบนายช่างประปา ของทุกหน่วยงาน

1. ขั้นตอนแรกของการทำน้ำประปาคือข้อใด

ก. การสร้างอ่างกักเก็บน้ำ ข. การจัดหาน้ำดิบ

ค. การทำน้ำดิบให้เป็นน้ำประปา ง. การติดตั้งโรงสูบน้ำ

2. การจัดหาน้ำดิบในการทำน้ำประปาทำได้โดยวิธีใด

ก. การสร้างอ่างเก็บน้ำธรรมชาติขึ้น เพื่อใช้กักเก็บน้ำฝนที่ตกลงมา

ข. การใช้น้ำจากแม่น้ำมาทำน้ำประปา

ค. การสูบน้ำบาดาล

ง. ถูกทุกข้อ

3. น้ำที่นำมาใช้ในการทำน้ำประปาแหล่งใด ที่เป็นน้ำบริสุทธิ์  ใสสะอาด ไม่มีเชื้อโรคหรือแร่ธาตุที่เป็นพิษต่อร่าง-กาย สามารถนำมาบริโภคได้โดยไม่ต้องผ่านการกรองคือ

ก. น้ำจากแม่น้ำ ข. น้ำฝน

ค. น้ำบาดาล ง. น้ำคลอง

4. สิ่งที่ใส่ลงไปเป็นส่วนผสมให้เข้ามาปนกับน้ำดิบในอัตราส่วนพอเหมาะและจะไปทำปฏิกิริยาแยกเอาตะกอนซึ่งทำให้น้ำขุ่นสกปรกออกเป็นก้อนกลายเป็นก้อนตะกอน คือ

ก. สารส้ม  ข. คลอรีน

ค. กรวด ทราย ง. กำมะถัน

5. สิ่งที่ช่วยกรองตะกอนน้ำคือ

ก. สารส้ม ข. คลอรีน

ค. กรวด ทราย ง. กำมะถัน

6. สิ่งที่ใส่ลงไปในน้ำประปาเพื่อฆ่าเชื้อโรคก่อนที่จะปล่อยน้ำประปาไปให้ประชาชนใช้คือสารใด

ก. สารส้ม  ข. คลอรีน

ค. กรวด  ทราย ง. กำมะถัน

7. น้ำดิบที่น้ำมาใช้ทำน้ำประปาจะถูกส่งไปไว้ที่ใดเป็นอันดับแรก

ก. ถังตกตะกอน ข. ถังกรอง

ค. ท่อประปา ง. ถังพักน้ำใส

ตอบ ก.ถังตกตะกอน

8. เมื่อน้ำดิบถูกส่งมายังถังตกตะกอนแล้วน้ำกับตะกอนที่แยกออกมาจะไหลไปยังที่ใด

ก. ถังตกตะกอน ข. ถังกรอง

ค. ท่อประปา ง. ถังพักน้ำใส

9. น้ำที่ไหลออกจากถังกรองแล้วถูกนำไปเก็บไว้ในที่ใด

ก. ถังตกตะกอน ข. ถังกรอง

ค. ท่อประปา ง. ถังพักน้ำใส

10. น้ำที่ไหลออกจากถังกรองแล้วถูกนำไปเก็บไว้ในถังพักน้ำใสจะมีลักษณะอย่างไร

ก. เป็นน้ำใสมีตะกอนเล็กน้อย ข. เป็นน้ำใส ไม่มีเชื้อโรค

ค. เป็นน้ำใสแต่อาจมีเชื้อโรคปนอยู่ ง. เป็นน้ำใส มีตะกอนมาก

การใช้คลอรีนน้ำในน้ำประปา

11. คลอรีนมีชื่อทางเคมีว่าอย่างไร

ก. โซเดียมคลอไรด์  ข. โซเดียมไฮโปคลอไรต์

ค. โพแทสเซียมคลอไรด์ ง. โพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต

12. ปริมาณคลอรีนน้ำที่ใช้ในน้ำประปาเพื่อฆ่าเชื้อโรคควรมีความเข้มข้นกี่เปอร์เซ็นต์

ก. 10 % ข. 20 %

ค. 30 % ง. 40 %

13. การใช้คลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อโรคในน้ำประปา หลังจากผ่านการกรองน้ำจากถังกรอง น้ำประปาจำเป็นต้องมีปริมาณคลอรีนหลงเหลือในถังน้ำใสก่อนสูบจ่ายให้กับผู้ใช้น้ำในปริมาณเท่าใด

ก. 1 PPM ข. 1 กรัมในน้ำ 1 ลูกบาศก์เมตร 

ค. 2  PPM ง. ถูกทั้ง ก และ ข

14. ก่อนใช้คลอรีนต้องมีการตรวจสอบข้อมูลการใช้อย่างไร

ก. ต้องรู้เครื่องสูบน้ำดิบจากแหล่งน้ำสูบได้ในอัตรากี่ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง

ข. ต้องรู้เครื่องจ่ายสารคลอรีนสามารถจ่ายได้ในอัตราชั่วโมงละกี่ลิตร

ค. ต้องรู้ความจุของถังจ่ายคลอรีนมีความจุเท่าไร

ง. ถูกทุกข้อ

15. การตรวจสอบปริมาณการสูบน้ำของเครื่องสูบน้ำดิบใช้วิธีใด

ก. ใช้วิธีการตวง ข. ใช้วิธีการวัดถังตกตะกอน

ค. ใช้วิธีการวัดถังกรอง และวัดถังน้ำใส  ง. ถูกทุกข้อ

16. ข้อใดเป็นวิธีการการวัดปริมาณน้ำในถังน้ำใส

ก. วัดความกว้าง และความยาวของถังน้ำใสเฉพาะด้านใน

ข. หาความจุของน้ำในถังน้ำใส

ค. เปิดประตูน้ำปล่อยน้ำจากถังกรองน้ำลงถังน้ำใส  เริ่มจับเวลาเป็นนาทีรวมสามครั้ง

ง. ถูกทุกข้อ

17. ในการจ่ายคลอรีนใช้เครื่องสูบน้ำดิบขนาดสูบได้ 10 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ถ้าใช้เวลาสูบน้ำ 20 ชั่วโมง จะสูบน้ำได้กี่ลูกบาศก์เมตร 

ก. 200  ลูกบาศก์เมตร  ข. 500 ลูกบาศก์เมตร 

ข. 1000 ลูกบาศก์เมตร  ง. 250 ลูกบาศก์เมตร 

18. เครื่องจ่ายคลอรีนสามารถจ่ายคลอรีนได้กี่ลิตรต่อชั่วโมง

ก.  5  ลิตรต่อชั่วโมง  ข. 10  ลิตรต่อชั่วโมง 

ค. 3   ลิตรต่อชั่วโมง  ง. 15  ลิตรต่อชั่วโมง 

19.  ในการจ่ายน้ำจะต้องเติมคลอรีนน้ำในถังน้ำใสก่อนจ่ายกี่นาที 

ก. 10  นาที  ข. 20 นาที

ค. 30 นาที ง. 40 นาที

20. ถังผสมคลอรีนจุ 200 ลิตรจะใช้คลอรีนน้ำหนักกี่กรัม

ก. 1000 กรัม ข. 500 กรัม

ค. 2000 กรัม ง. 250 กรัม