โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
ขอให้ผู้ที่สนใจและมีพื้นความรู้คุณสมบัติครบถ้วนตามที่กำหนด ฝึกฝนและเสริมสร้างความพร้อม
ทั้งในด้านความรู้ ด้านร่างกายและด้านจิตใจ ให้สามารถสอบผ่านทั้งรอบแรก (ข้อเขียน) และรอบสองเพื่อไปสู่
การฝึกอบรม ทั้งในส่วนของโรงเรียนเตรียมทหารทหารและโรงเรียนนายเรือตำรวจ
พล.ต.ท.อมรินทร์ อัครวงษ์ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ แจง รายละเอียดการเปิดสอบ
เพื่อคัดเลือกบุคคลเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ในส่วนของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ระบุผู้ที่จะเข้ามาเป็น
นักเรียนเตรียมทหาร ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องเป็นผู้ที่มีพื้นความรู้และคุณสมบัติตาม
ที่กำหนด และจะต้องเข้าสู่ กระบวนการสอบแข่งขัน 2 รอบ ทั้งข้อเขียนและตรวจร่างกาย (สอบพลศึกษา)
สอบสัมภาษณ์และวัดขนาดร่างกาย
ย้ำผู้สอบผ่าน จะได้รับการศึกษาอบรม 2 ช่วง คือ ศึกษาที่โรงเรียนเตรียมทหาร 3 ปี และศึกษาที่
โรงเรียนนายร้อยตำรวจ 4 ปี ได้รับเงินเดือน ทุกชั้นปี พร้อมแนะขอให้ผู้ที่สนใจและมีพื้นความรู้ครบถ้วน ฝึกฝน และเสริมสร้างความพร้อม ทั้งด้านความรู้ ด้านร่างกายและด้านจิตใจ ให้สามารถสอบผ่านทั้งรอบแรก (ข้อเขียน) และรอบสอง
เพื่อไปสู่การฝึกอบรม ทั้งในส่วนของโรงเรียนเตรียมทหารทหารและโรงเรียนนายเรือตำรวจ
พล.ต.ท.อมรินทร์ อัครวงษ์ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เปิดเผย ถึงวัตถุประสงค์และแนวนโยบาย
ในการเปิดสอบเพื่อคัดเลือกบุคคลเข้าเป็นนัก เรียนเตรียมทหารในส่วนของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ว่า
โรงเรียนเตรียมทหาร เป็นหน่วยที่มีภารกิจในการให้การศึกษา แก่นักเรียนเตรียมทหาร ให้มีความรู้
ความสามารถในวิชาการ ปลูกฝังคุณสมบัติการเป็นผู้นำ อุปนิสัย กำลังใจให้เข็มแข็ง มั่นคง ตลอดจนเสริมสร้างพลานามัย
เพื่อให้ผู้สำเร็จการศึกษาทุกคน มีความรู้ คุณสมบัติ และสมรรถภาพอันเหมาะสมที่จะเข้ารับการศึกษาต่อใน รร.จปร., รร.นร., รร.นอ. และ รร.นรต
สำหรับจำนวนของนักเรียนเตรียมทหาร (นตท.) ในส่วนของ ตร. ในแต่ละปีจะต้องได้รับอนุมัติจาก
ตร. โดยในแผนสรรหาปี 2550-2554 ตร.ได้อนุมัติกรอบสรรหาบุคคลภายนอกเข้าเป็น นตท.ในส่วนของ ตร.
จำนวนปีละ 180 คน
การรับสมัค รและสอบคัดเลือก บุคคลภายนอกเข้าเป็น นตท.ในส่วนของ ตร. รร.นตร. โดยอนุมัติของ ตร.
จะดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการรับสมัครและสอบคัดเลือก โดยเป็นการมอบหมายหน้าที่ ตั้งแต่การรับสมัคร
จนถึงการประกาศผลผู้สอบได้ โดยทุกขั้นตอน จะดำเนินการในรูปของคณะกรรมการ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรม สามารถตรวจสอบได้
ผู้มีสิทธิ์สมัคร จะต้องมีพื้นความรู้ และคุณสมบัติ เป็นไปตามระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกีบคดีลักษณะ
ที่ 11 บทที่ 5 ข้อบังคับโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ภาค 7 ว่าด้วย นักเรียนเตรีมทหารในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
โดยพื้นฐานความรู้และคุณสมบัติของผู้สมัคร ประเด็นหลักประกอบด้วย
1. สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ หรือเทียบเท่า
2. อายุไม่ต่ำกว่า 14 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 17 ปีบริบูรณ์ ในปีที่จะเข้ารับการศึกษาเป็น นตท.การนับอายุให้นับตาม
กฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร (นับปีชนปี)
3. มีสัญชาติไทยโดยกำเนิด และบิดามารดามีสัญชาติไทยโดยกำเนิด แต่ถ้าบิดาเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตร นายทหาร
ชั้นสัญญาบัตร หรือตำรวจชั้นประทวน นายทหารชั้นประทวน ซึ่งมีสัญชาติไทยโดยกำเนิดแล้ว มารดาจะมิใช่ผู้มี
สัญชาติไทยโดยกำเนิดก็ได้
4. เป็นชายโสด ไม่เคยมีความประพฤติเสื่อมเสียทางเพศ หรือติดต่อได้เสียกับหญิงถึงขั้นที่จะถือว่าเป็นผู้มีภรรยา"
ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ กล่าวถึงวิชาที่สอบและคะแนนเต็ม ว่า ขอบเขตวิชาที่สอบครอบคลุมความรู้
ระดับช่วงชั้นปีที่ 3 (มัธยมศึกษาปีที่ 1-3) ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ คะแนนเต็ม 700 คะแนน 140 ข้อ
ประกอบด้วย
• วิชาวิทยาศาสตร์ 200 คะแนน
• วิชาคณิตศาสตร์ 200 คะแนน
• วิชาภาษาอังกฤษ 150 คะแนน
• วิชาภาษาไทยและวิชาสังคมศึกษา 75 คะแนน
• วิชาภาษาไทยและวิชาสังคมศึกษา 75 คะแนน
สำหรับเงื่อนไขผู้มีสิทธิได้รับคะแนนเพิ่มพิเศษ มีรายละเอียด ดังนี้1. บุตรข้าราชการตำรวจหรือข้าราชการในสังกัดกระทรวงกลาโหมที่มีเวลารับ ราชการดังนี้ (1.1) ไม่น้อยกว่า 15 ปี
หรือได้รับเหรียญจักรมาลา เพิ่มรอบสองให้ 4% ของคะแนนเต็ม (1.2) ไม่น้อยกว่า 10 ปี เพิ่มรอบสองให้ 3%
ของคะแนนเต็ม (1.3) ไม่ถึง 10 ปี เพิ่มรอบสองให้ 2% ของคะแนนเต็ม ระยะเวลารับราชการให้นับตั้งแต่วันเข้า
รับราชการถึงวันที่ 1 พฤษภาคม ของปีรับสมัคร
2.- บุตรของข้าราชการตำรวจ ทหาร ข้าราชการเจ้าหน้าที่ของรัฐ พนักงานราชการ หรือลูกจ้าง ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่ราชการ
ในระหว่างที่มีการรบ หรือ การสงคราม
หรือมีการปราบจลาจล หรือในระหว่างเวลาที่มีพระบรมราชโองการประกาศใช้กฎอัยการศึก
หรือ มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
หรือ ในช่วงเวลาที่สั่งให้เป็นนักดำน้ำ ซึ่งมีสิทธิได้รับเวลาราชการทวีคูณตามกฎหมาย ว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
เพิ่มรอบสองให้ 3% ของคะแนนเต็ม
-บุตรของข้าราชการตำรวจ ทหาร ข้าราชการเจ้าหน้าที่ของรัฐ พนักงานราชการ หรือลูกจ้าง ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่
ทางยุทธการร่วมกันกับทหารระหว่างที่มีการรบ
หรือ การสงคราม หรือ มีการปราบจลาจล
หรือ ในระหว่างเวลาที่มีพระบรมราชโองการประกาศใช้กฎอัยการศึก
หรือ มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
หรือ ในระหว่างเวลาที่สั่งให้เป็นนักดำเรือดำน้ำ ซึ่งมีสิทธิได้รับเวลาราชการทวีคูณตามกฎหมาย ว่าด้วยบำเหน็จ
บำนาญข้าราชการ เพิ่มรอบสองให้ 5% ของคะแนนเต็ม
-พลเรือหรือบุตรของพลเรือน ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่ทางยุทธการร่วมกับทหารในป้องกันและรักษาความมั่นคงของ
ราชอาณาจักรจากภัยคุกคามทั้งภายนอกและภายในประเทศ เพิ่มรอบสองให้ 5% ของคะแนนเต็ม
3. -บุตรของข้าราชการตำรวจ ทหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ พนักงานราชการหรือลูกจ้าง ซึ่งต้องประสบอันตราย
ถึงทุพลภาพในขณะปฏิบัติราชการในหน้าที่ตามปกติ
หรือถูก ประทุษร้ายเพราะเหตุกระทำการตามหน้าที่
หรือ ต้องได้รับบาดเจ็บถึงตายเพราะเหตุนั้น ซึ่งได้รับบำเหน็จบำนาญพิเศษตามกฎหมาย ว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
หรือ ได้รับเงินค่าทำขวัญตามข้อบังคับกระทรวงกลาโมว่าด้วยคนงาน
หรือ ได้รับบำเหน็จพิเศษ ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง เพิ่มรอบแรกให้ 6 % ของคะแนนเต็ม
-บุตรของข้าราชการตำรวจ ทหาร ข้าราชการเจ้าหน้าที่ของรัฐ พนักงานราชการ
หรือลูกจ้างต้องประสบอันตรายถึงทุพลภาพในขณะปฏิบัติราชการในหน้าที่ทาง ยุทธการ
หรือ ถูกประทุษร้ายเพราะเหตุกระทำการตามหน้าที่ตามข้อ 3.2
หรือ ต้องได้รับบาดเจ็บถึงตายเพราะเหตุนั้น ซึ่งได้รับบำเหน็จพิเศษตามกฎหมาย ว่าด้วยการบำเหน็จข้าราชการ
หรือได้รับเงินค่าทำขวัญตามข้อบังคับกระทรวงกลาโมว่าด้วยคนงาน
หรือได้รับ บำเหน็จพิเศษตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง
หรือ บุตรของผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี
หรือเหรียญเข็มกล้าหาญ เพิ่มรอบแรกให้ 10% ของคะแนนเต็ม
4. บุตรของข้าราชการตำรวจ ทหารที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในการปราบปรามโจรผู้ร้ายจนถึงทุพลภาพหรือถึงแก่ ชีวิต
หรือผู้ที่ได้ช่วยเหลือราชการในการปราบปรามโจรผู้ร้ายจนถึงทุพลภาพหรือถึง แก่ชีวิต ซึ่งได้รับการรับรองจาก
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพิ่มรอบแรกให้ 10% ของคะแนนเต็ม
*โรงเรียนนายร้อยตำรวจแห่งชาติ *เวบไซด์โรงเรียนนายร้อยตำรวจแห่งชาติ *นักเรียนเตรียมทหาร ในส่วนของสานักงานตารวจแห่งชาติ *ประกาศโรงเรียนนายร้อยตำรวจแห่งชาติ *หมายเลขโทรศัพท์หน่วยงานภายใน *ที่ตั้ง แผนที่ โรงเรียนนายร้อยตำรวจแห่งชาติ ผู้ที่จะเข้ามาเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องเป็นผู้มีพื้นความรู้
และคุณสมบัติดังกล่าวที่ดังกล่าวไว้ข้างต้นและจะ ต้องเข้าสู่กระบวนการสอบแข่งขัน ซึ่งจะมีการสอบ 2 รอบ คือ
1.การสอบรอบแรก (ข้อเขียน) เป็นการสอบภาควิชาการ ในชั้นความรู้ครอบคลุมมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 1-3 ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ
ประกอบด้วย 4 วิชา คือ วิทยาศาสตร์, วิชาคณิตศาสตร์, วิชาภาษาอังกฤษ และวิชาภาษาไทยและสังคมศึกษา
2.การสอบรอบสอง ผู้ที่มีสิทธิสอบรอบสองได้จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับประกาศเป็นผู้สอบผ่านรอบ แรก (ข้อเขียน) ก่อน โดยการสอบรอบแรก
จะคัดจากผู้สมัครที่สอบได้คะแนนรวมสูงสุดลงมาจำนวน 630 คน (จำนวนที่ต้องการรับ 180 คน)
โดยการสอบรอบสอง จะเป็นการสอบใน 3 ส่วน คือ
2.1.การตรวจร่างกาย
2.2.การสอบพลศึกษา
ประกอบด้วย 8 ประเภท คือ ดึงข้อราวเดี่ยว, ลุกนั่ง, นั่งงอตัว, วิ่งระยะสั้น(50 เมตร), วิ่งระยะไกล (1,000 เมตร),
ยืนกระโดดไกล, ว่ายน้ำ 50 เมตร) และวิ่งกลับตัว (วิ่งเก็บของ)
2.3.การสอสัมภาษณ์และวัดขนาดร่างกาย
ผู้ที่จะสามารถเข้ามาเป็นนักเรียนเตรียมทหารในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ
ดังกล่าวข้างต้นทุกขั้นตอน"
พล.ต.ท.อมรินทร์ อัครวงษ์ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เปิดเผยถึงระยะเวลาการศึกษา
สวัสดิการและความก้าวหน้าในสายอาชีพว่า ผู้ที่สามารถสอบเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารในส่วนของสำนักงาน
ตำรวจแห่งชาติ ได้ จะต้องได้รับการศึกษาอบรม ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ
1.การศึกษาที่โรงเรียนเตรียมทหาร ระยะเวลา 3 ปี
2.การศึกษาที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ จะต้องเป็นผู้ที่สอบได้ผ่านเกณฑ์ที่โรงเรียนเตรัยมทหารกำหนด
โดยจะต้องมีคะแนนเฉลี่ยสะสมไม่น้อยกว่า 2.00 ซึ่งโรงเรียนเตรียมทหารจำทำพิธีส่งตัวนักเรียนเตรียม
ทหารชั้นปีที่ 3 ให้กับโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
สำหรับการศึกษาที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ แบ่งเป็น 4 ชันปี เป็นไปตามหลักสูตรนักเรียนนายร้อยตำรวจ พ.ศ. 2549
ในด้านของสวัสดิการ ระหว่างการศึกษาที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ นักเรียนนายร้อยตำรวจทุกคนจะได้รับเงินเดือนเท่ากันทุกชั้นปี
ส่วนความก้าวหน้าในอาชีพนั้น ผู้ที่สามารถสอบเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ได้ ถือได้ว่ามีอาชีพรองรับเมื่อจบการศึกษา และจะได้รับการบรรจุแต่งตั้งเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร ได้รับวุฒิ
ปริญญาตรี รัฐประศาสนศาสตร์ หรือตัวย่อ รป.บ.(ตร.)
จะอย่างไรก็ตาม ขอให้ผู้ที่สนใจและมีพื้นความรู้คุณสมบัติครบถ้วนตามที่กำหนด ฝึกฝนและเสริมสร้างความพร้อม
ทั้งในด้านความรู้ ด้านร่างกายและด้านจิตใจ ให้สามารถสอบผ่านทั้งรอบแรก (ข้อเขียน) และรอบสองเพื่อไปสู่การ
ฝึกอบรม ทั้งในส่วนของโรงเรียนเตรียมทหารทหารและโรงเรียนนายเรือตำรวจ" พล.ต.ท.อมรินทร์กล่าว