ในแต่ละปี กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้รวบรวมลูกหนี้ที่เป็นนักเรียน นักศึกษา ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในแต่ละจังหวัด ที่ได้กู้ยืมเงินไปแล้ว เมื่อสำเร็จการศึกษาครบ ๒ ปี โดยไม่ได้ติดต่อขอชำระหนี้กับ กยศ. เป็นจำนวนหลายหมื่นราย ต่อปีที่ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีต่อศาลจังหวัด ศาลแขวงทั่วประเทศ นับว่าเป็นตัวเลขผู้ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีเป็นจำเลยเป็นจำนวนไม่น้อย
ศาลจังหวัด ศาลแขวง ทั่วประเทศได้จัดโครงการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องในคดีกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ในช่วงเดือนธันวาคม – มีนาคม เพื่อให้นักศึกษาที่กู้ยืมเงินไปแล้ว ไม่ผ่อนชำระหนี้และเป็นหนี้ที่ขาดการติดต่อกับ กยศ.เป็นเวลานาน หากไม่มาไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องจะถูกฟ้องดำเนินคดีต่อไป ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันมิให้ถูกฟ้องดำเนินคดี จึงควรไปไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องตามวันและเวลาที่ระบุไว้ในหนังสือที่แจ้งมาถึงผู้กู้และผู้ค้ำประกัน หรือถ้าไม่ทราบและไม่ได้รับหนังสือก็สามารถโทรศัพท์สอบถามได้ที่ศาลจังหวัด (กรณีมียอดเงินกู้ค้างชำระ เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท ) ศาลแขวง (กรณีมียอดค้างชำระไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท) โดยจะฟ้องที่ศาลที่ผู้กู้คือนักศึกษามีภูมิลำเนาอยู่ เพราะคดีเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินเป็นคดีผู้บริโภค เมื่อจะฟ้องจำเลย คือผู้กู้ ถือว่าเป็นผู้บริโภค จะต้องฟ้องที่ภูมิลำเนาของจำเลยได้เพียงแห่งเดียว ตาม พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๑๗
ข้อแนะนำสำหรับจำเลยในคดีกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
๑. ผู้กู้และผู้ค้ำประกันต้องมาศาลตามวันและเวลาที่ระบุในหมายเรียกทั้งสองคนหรือสามคนแล้วแต่กรณี จะมาศาลเพียงคนหนึ่งคนใดไม่ได้เพราะไม่อาจทำสัญญาประนีประนอมได้ หากคนใด เช่น ผู้กู้ หรือผู้ค้ำประกัน ติดภารกิจไม่อาจมาศาลได้ตามวันที่ระบุไว้ในหมายเรียก สามารถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นมาดำเนินคดีแทนได้
๒. สำรวจยอดหนี้ตามที่โจทก์ฟ้องว่าฟ้องถูกต้องหรือไม่ ตรงตามกับที่เป็นหนี้หรือไม่ หากเป็นหนี้เพียง ๑๐,๐๐๐ บาท แต่โจทก์ฟ้องมา ๓๐,๐๐๐ บาท ก็ต้องนำหลักฐานการชำระหนี้ไปแสดงที่ศาลตามวันและเวลาที่ระบุในหมายเรียก
๓. เตรียมหลักฐานให้พร้อมในการมาศาล เช่น ทะเบียนบ้าน บัตรประจำตัวประชาชน โดยลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง หนังสือมอบอำนาจ (กรณีไม่มาด้วยตนเอง) ต้องกรอกข้อความให้เรียบร้อย
๔. ต้องมาศาลให้ตรงตามวันที่ระบุไว้ในหมายเรียก เพราะหากขาดนัดไม่มาศาล ศาลก็จะพิพากษาคดีไปฝ่ายเดียว ตามยอดหนี้ที่โจทก์ฟ้อง ซึ่งถ้าจำเลยเป็นหนี้ไม่ถึงตามที่ฟ้องก็จะเดือดร้อนต้องรับผิดในมูลหนี้เกินความเป็นจริง
สำหรับลูกหนี้ เมื่อมาศาลตามกำหนดนัดสามารถที่จะไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมยอมกับกองทุนฯ โดยตกลงผ่อนชำระหนี้เป็นรายเดือน ตามตารางการตกลงให้ผ่อนชำระกรณีทำสัญญาประนีประนอมยอมความ เช่น มียอดหนี้ค้างชำระไม่เกิน ๓๐,๐๐๐ บาท สามารถผ่อนชำระหนี้ได้เพียงเดือนละ ๔๐๐ บาท กรณีเงินต้นไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท ผ่อนชำระเดือนละ ๖๐๐ บาท เงินต้นไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ผ่อนเดือนละ ๑,๑๐๐ บาท
ประโยชน์ที่ลูกหนี้จะได้รับ จากการมาศาลเพื่อไกล่เกลี่ยคือ สามารถผ่อนชำระหนี้ได้เป็นรายเดือนไม่ถูกยึดทรัพย์บังคับคดี ได้รับการลดหย่อนเรื่องค่าธรรมเนียมศาล ค่าทนายความ เบี้ยปรับ ทำให้จำเลยไม่ต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนมาก นับว่าเป็นผลดีของการมาศาลเพื่อไกล่เกลี่ย
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยคดีกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา สามารถโทรศัพท์สอบถามได้ที่ ศาลจังหวัด ศาลแขวง ทั่วประเทศ