size="2">พระราชบัญญัติ
คุ้มครองการดำเนินงานขององค์การสนธิสัญญา
การป้องกันร่วมกันแห่งเอเชียอาคเนย์
พ.ศ. ๒๕๐๓
ในพระปรมาภิไธย
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
สังวาลย์
ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
ให้ไว้ ณ วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๐๓
เป็นปีที่ ๑๕ ในรัชกาลปัจจุบัน
โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองการดำเนินงานขององค์การสนธิสัญญาการป้องกันร่วมกันแห่งเอเชียอาคเนย์ พระมหากษัตริย์โดยคำแนะนำและยินยอมของสภาร่างรัฐธรรมนูญ ในฐานะรัฐสภา จึงมีพระบรมราชโองการให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานขององค์การสนธิสัญญาการป้องกันร่วมกันแห่งเอเชียอาคเนย์ พ.ศ. ๒๕๐๓” มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ เพื่อประโยชน์แก่การคุ้มครองการดำเนินงานและการให้บรรลุผลตามความมุ่งประสงค์ในประเทศไทยขององค์การสนธิสัญญาการป้องกันร่วมกันแห่งเอเชียอาคเนย์ เรียกโดยย่อว่า “องค์การ สปอ.” ให้ยอมรับนับถือองค์การ สปอ. ว่าเป็นนิติบุคคล และให้ถือว่ามีภูมิลำเนาในประเทศไทย มาตรา ๔ สถานที่ ทรัพย์สิน สินทรัพย์ และบรรณสารขององค์การ สปอ. ให้ได้รับการคุ้มกันจากการค้น การเรียกเกณฑ์ การริบ การเวนคืน และการแทรกแซงในรูปอื่นใด ไม่ว่าจะเป็นในทางบริหาร ทางการปกครอง ทางการศาล หรือทางนิติบัญญัติอย่างเดียวกันกับสถานที่ ทรัพย์สิน สินทรัพย์ และบรรณสารขององค์การสหประชาชาติ และทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติในประเทศไทย มาตรา ๕ ในระหว่างที่ปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทย หรือเข้ามาในประเทศไทยเพื่อปฏิบัติหน้าที่ หรือในการปฏิบัติภารกิจเกี่ยวกับองค์การ สปอ. ให้บุคคลต่อไปนี้ได้รับเอกสิทธิและความคุ้มกันในประเทศไทย อย่างเดียวกันกับที่ให้บุคคลในคณะฑูตในฐานะเทียบเท่า คือ(๑) ผู้แทนของรัฐซึ่งเป็นสมาชิกขององค์การ สปอ. และสมาชิกแห่งคณะเจ้าหน้าที่ในทางการของผู้แทนของรัฐสมาชิก และ(๒) เลขาธิการองค์การ สปอ. รองเลขาธิการ หรือพนักงานระหว่างประเทศผู้ได้รับแต่งตั้งให้กระทำการแทนเลขาธิการ และพนักงานระหว่างประเทศชั้นผู้ใหญ่ตามที่รัฐบาลไทยกับองค์การ สปอ. จะได้ทำความตกลงกันบทบัญญัติอันว่าด้วยเอกสิทธิและความคุ้มกันที่ให้แก่ผู้แทนของรัฐและบุคคลในคณะที่กล่าวใน (๑) นั้น มิให้ใช้บังคับแก่ผู้แทนของประเทศไทยและบุคคลในคณะ มาตรา ๖ ให้พนักงานระหว่างประเทศขององค์การ สปอ. นอกจากที่ระบุไว้ในมาตรา ๕ (๒) ได้รับเอกสิทธิและความคุ้มกันในประเทศไทยอย่างเดียวกันกับที่ให้พนักงานขององค์การสหประชาชาติและทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติในฐานะเทียบเท่า มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
จอมพล ส. ธนะรัชต์
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่องค์การสนธิสัญญาการป้องกันร่วมกันแห่งเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ได้มาตั้งสำนักงานอยู่ในประเทศไทย เพื่อประโยชน์แก่การดำเนินงานและการให้บรรลุผลตามความมุ่งประสงค์ และเพื่อให้ผู้แทนของรัฐสมาชิกและพนักงานขององค์การได้รับเอกสิทธิและความคุ้มกันในทำนองเดียวกันกับสหประชาชาติและทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติในประเทศไทย จึงสมควรมีกฎหมายคุ้มครองการดำเนินงานขององค์การสนธิสัญญาการป้องกันร่วมกันแห่งเอเซียตะวันออกเฉียงใต้