แนวข้อสอบความรู้เกี่ยวกับเศรษฐกิจ สังคม การเมือง
1. ข้อใด มิได้ อยู่ในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของรัฐบาล
ก. ภาคเกษตร ข. ภาคอุตสาหกรรม
ค. ภาคการท่องเที่ยว ง. ภาคการขนส่ง
ตอบข้อ ง. รัฐบาลมรนโยบายปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ดังนี้
1. ภาคเกษตร 2. ภาคอุตสาหกรรม
3. ภาคการท่องเที่ยว 4. ภาคการตลาด การค้าและการลงทุน
2. เมื่อรัฐบาลประกาศควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภค เพื่อมิให้ประชาชนต้องซื้อของแพง รัฐบาลต้องใช้มาตรการเสริมข้อใด จึงจะได้ผลตามที่ต้องการ
ก. ลดอุปสงค์ของผู้บริโภคให้ต่ำลง
ข. ลดการผลิตสินค้าให้ต่ำกว่าปริมาณดุลยภาพ
ค. เพิ่มปริมาณการส่งออกสินค้าชนิดนั้นให้มากขึ้น
ง. เพิ่มปริมาณสินค้าให้เพียงพอกับอุปสงค์ของผู้บริโภค
ตอบข้อ ง. เมื่อรัฐบาลประกาศควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภค เพื่อมิให้ประชาชนต้องซื้อของแพง รัฐบาลต้องใช้มาตรการเสริม 2 ประการ คือ กำหนดบทลงโทษพ่อค้าที่ขายสินค้าในราคาสูงเกินราคาที่รัฐบาลกำหนด (ขายสินค้าเกินราคา) และเพิ่มปริมาณสินค้าชนิดนั้นๆ ให้เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค แต่ถ้าไม่มีมาตรการเสริมดังกล่าว อาจจะทำให้เกิดปัญหา “ ตลาดมืด ” ได้ เนื่องจากพ่อค้าจะกักตุนสินค้าไว้ขายหลังร้านในราคาสูงเกินกว่าที่กำหนด
3. การนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปปฏิบัติให้เกิดผลสำเร็จ ผู้ปฏิบัติจะต้องมีจิตสำนึกข้อใดก่อนเป็นอันดับแรก
ก. การพึ่งพาตนเองเป็นหลัก
ข. ความเอื้ออาทรต่อผู้อื่น
ค. ความรอบรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก
ง. การร่วมมือกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง
ตอบข้อ ก. การนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปปฏิบัติให้เกิดผลสำเร็จ ผู้ปฏิบัติจะต้องมีจิตสำนึกในการพึ่งพาตนเองเป็นอันดับแรก
4. ภาวะที่พ่อค้ากำหนดราคาขายสอนค้าสูงกว่าราคาดุลยภาพ ทำให้ผู้บริโภคซื้อลดน้อยลง สินค้าจึงเหลือและขายไม่หมด เรียกว่าอย่างไร
ก. อุปสงค์ส่วนเกิน ข. อุปทานส่วนเกิน
ค. กลไกตาด ง. อุปทานตลาด
ตอบข้อ ข. อุปทานส่วนเกิน คือ ผู้ขายนำสินค้ามาขายมากเกินความต้องการของผู้ซื้อ ทำให้สินค้าล้นตลาด ขายไม่หมด
อุปสงค์ส่วนเกิน คือ ผู้ซื้อมีความต้องการจะซื้อสินค้ามากกว่าปริมาณสิค้าจริงที่วางจำหน่ายในตลาด ทำให้สินค้าขาดตลาด ไม่พอขาย
5. ข้อใดจัดเป็นการกระจายรายได้ตามหลักเศรษฐศาสตร์
ก. รัฐส่งเสริมกิจการท่องเที่ยวในทุกจังหวัด
ข. รัฐสนับสนุนสินค้าหนึ่งผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล
ค. ลูกจ้างได้รับค่าแรงขั้นต่ำตามเกณฑ์ที่รัฐกำหนด
ง. พนักงานเดินเก็บเงินค่าไฟฟ้าตามบ้าน
ตอบข้อ ค. ในทางเศรษฐศาสตร์การกระจายรายได้แบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1. การกระจายสินค้าและบริการ เป็นการกระจายผลผลิตทั้งในด้านสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค เช่น ชาวสวนปลูกผักคะน้าส่งขายให้ผู้บริโภค โรงงานผลิตรองเท้าฟองน้ำส่งสินค้าเข้าสู่ตลาดเพื่อให้ผู้บริโภคได้ซื้อใช้ และช่างตัดผลให้บริการแก่ลุกค้า เป็นต้น
2. การกระจายรายได้ เป็นการแบ่งปันรายได้หรือตอบแทนให้แก่เจ้าของปัจจัยการผลิตต่างๆ ซึ่งมีส่วนร่วมในการผลิตสินค้าและบริการนั้นๆ ดังตัวอย่าง เจ้าของโรงงานทำน้ำดื่มบรรจุขวดแห่งหนึ่ง ( เรียกว่า ผู้ประกอบการ ) จะแจกจ่ายรายได้จากการผลิตสินค้าให้แก่เจ้าของการผลิต ดังนี้
ที่ดิน (ที่ตั้งโรงงาน) ผลตอบแทนที่ได้รับ คือ ค่าเช่า
แรงงาน ผลตอบแทนที่ได้รับ คือ ค่าจ้าง
ทุน ผลตอบแทนที่ได้รับ คือ ดอกเบี้ย
ผู้ประกอบการ ผลตอบแทนที่ได้รับ คือ กำไร
6. การพัฒนาและบริหารประเทศของรัฐบาลให้ดำเนินไปในทางสายกลาง ตามพระราชบัญญัติเศรษฐกิจพอเพียงหมายความว่าอย่างไร
ก. ไม่พึ่งต่างประเทศ
ข. ค่อยเป็นค่อยไป ตามพึ่งตนเองให้มากขึ้น
ค. ความไม่ประมาท และพึ่งตนเองให้มากขึ้น
ง. รู้จักประมาณตน และมีเหตุผล
ตอบข้อ ค. การพัฒนาและบริหารประเทศของรัฐบาล ตามพระราชบัญญัติเศรษฐกิจพอเพียงสรุปได้ 5 ประการดังนี้
1. ทางสายกลาง คือ ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท พึ่งตนเองให้มากขึ้น
2. ความสมดุลและความยั่งยืน คือ เน้นพัฒนาในลักษณะองค์รวม มีความพอดี มีความหลากหลายและกลมกลืนและเกิดผลยั่งยืน
3. ความพอประมาณอย่างมีเหตุผล คือ ไม่โลภ ไม่ฟุ้งเฟ้อ รู้จักพอ และมีเหตุผล
4. ภูมิคุ้มกันและรู้เท่าทันโลก คือ รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก สามารถป้องกันหรือลดผลกระทบที่เกิดขึ้นได้
5. เสริมสร้างคุณภาพคน คือ มีจิตสำนึกในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต มีไมตรีจิตเอื้ออาทรต่อกัน ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน มีวินัย มีความพากเพียร พัฒนาความรู้และปัญญาอย่างต่อเนื่อง
7. ข้อใด มิใช่ พื้นฐาน “ เศรษฐกิจพอเพียง ”
ก. ทางสายกลาง ข. ความพอประมาณ
ค. ประหยัด ง. ความมีเหตุผล
ตอบข้อ ค. “ เศรษฐกิจพอเพียง ” ( Sufficiency Economy ) เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาตลอดรวมถึงการพัฒนาและบริหารประเทศ ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลาง คำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ตลอดจนใช้ความรู้ ความรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบการวางแผน การตัดสินใจ และการกระทำโดยมีคุณลักษณะที่สำคัญ คือ สามารถประยุกต์ใช้ได้ในทุกระดับ ตลอดจนได้อธิบายคำนิยามของความพอเพียง ที่ประกอบด้วย ความพอประมาณ ความมีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ภายใต้เงื่อนไขของการตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมที่ต้องอาศัยเงื่อนไขความรู้และเงื่อนไขคุณธรรม
8. การนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน สำหรับผู้ที่กำลังศึกษาอยู่ควรปฏิบัติข้อใดก่อน จึงจะสอดคล้องกับปรัชญาข้อนี้
ก. การประกอบสัมมาอาชีวะ
ข. การไม่แก่งแย่งผลประโยชน์กับผู้อื่น
ค. การละเว้นไม่กระทำความชั่วทั้งปวง
ง. การประหยัดและหารายได้ระหว่างศึกษา
ตอบข้อ ง. ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักปรัชญาในการดำเนินชีวิตและการปฏิบัติตนในแนวทางสายกลาง การประหยัดและหารายได้ระหว่างที่ศึกษาอยู่นั้น ถือเป็นการประยุกต์ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในแนวทางที่ถูกต้อง
9. เมื่อรัฐบาลเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อควบคุมราคาสินค้า จะเกิดผลอย่างไรต่อ “ กลไกราคา”
ก. เป็นการยกเลิกกลไกราคาโดยสิ้นเชิง
ข. การทำหน้าที่ของกลไกราคาไม่เป็นอิสระตามทฤษฎี
ค. ปล่อยให้กลไกราคาทำหน้าที่อย่างเสรีตามธรรมชาติ
ง. จะเกิดราคาดุลยภาพตายตัวตามที่รัฐบาลกำหนด
ตอบข้อ ข. มีบางกรณีที่รัฐไม่อาจปล่อยราคาสินค้าเคลื่อนไหวหรือเปลี่ยนแปลงไปตามกลไกของราคาตามธรรมชาติได้ เพราะจะทำให้ผู้ผลิตได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะกรณีที่ผลผลิตทางการเกษตรมีปริมาณล้นตลาดทำให้ราคาสินค้าตกต่ำ เช่น ยางพารา ทุเรียน ลำไย เป็นต้น รัฐบาลจึงต้องเข้าแทรกแซงเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ผลิต ซึ่งเป็นผลให้กลไกราคาไม่อาจทำหน้าที่อย่างเป็นอิสระตามทฤษฎีได้
10. ข้อใด คือ “ การประกันราคาขั้นต่ำ ” ของทางราชการเพื่อรักษาผลประโยชน์ของเกษตรกร
ก. กำหนดราคาขายข้าวสารหอมมะลิสูงสุดถังละ 350 บาท
ข. กำหนดราคารับซื้อข้าวเปลือกขั้นต่ำเกวียนละ 6,000 บาท
ค. กำหนดราคาส่งออกข้าวสารหอมมะลิตันละ 5,000 บาท
ง. การจัดตั้งโรงสีข้าวประจำตำบลรับจำนำข้าวเปลือกจากชาวนา
ตอบข้อ ข. การประกันราคาขั้นต่ำ คือ การกำหนดราคารับซื้อขั้นต่ำที่รัฐจะรับซื้อเพื่อช่วยพยุงราคาสินค้ามิให้ตกต่ำ
11. ที่กล่าวว่า “ สังคมไทย ” เป็นสังคมที่มีโครงสร้างแบบหลวมๆ หมายถึงข้อใด
ก. เป็นสังคมที่ไม่มีระเบียบกฎเกณฑ์
ข. เป็นสังคมที่ไม่มีชนชั้น
ค. ไม่ยึดระเบียบกฎเกณฑ์แน่นอนตายตัว
ง. มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ตอบข้อ ค. สังคมไทยที่มีโครงสร้างแบบหลวมๆ คือ สังคมไม่ยึดระเบียบกฎเกณฑ์แน่นอนตายตัว
12. บุคคลที่มีสถานภาพหลายๆอย่างพร้องกัน จะเกิดปัญหาบทบาทขัดกัน หมายถึงข้อใดต่อไปนี้
ก. เป็นแม่ครัวภัตตาคาร แต่ต้องทำอาหารเช้าให้ลูกๆทุกเช้า
ข. เป็นตำรวจจราจร แต่ต้องคอยรับส่งลูกไปโรงเรียนทุกวัน
ค. เป็นสมาชิกสภาเทศบาล และเปิดบ่อนการพนันในตลาด
ง. กลางวันทำงานราชการ กลางคืนขับรถแท็กซี่หารายได้เสริม
ตอบข้อ ค. บทบาทขัดกัน เกิดจากบุคคลบางคนมีสถานภาพหลายสถานภาพซ้อนกันในเวลาเดียวกันทำให้บทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบตามสถานภาพของตนต้องขัดแย้งกัน ตัวอย่างเช่น นายประชาเป็นครูและเป็นพ่อค้าเปิดร้านขายของชำ ได้จำหน่ายบุหรี่และสุราให้นักเรียนและนักศึกษาเป็นปกติเสมอๆ ดังนั้น การมีสถานภาพ 2 สถานภาพซ้อนกันของนายปรีชา จึงทำให้บทบาทขัดแย้งกัน และมีผลกระทบต่อการจัดระเบียบทางสังคม จึงควรเลือกสถานภาพที่ไม่ต้องทำให้เกิดปัญหาบทบาทขัดกัน
13. ข้อใดเป็นการขัดเกลาทางสังคมโดยอ้อม
ก. พี่สอนน้องให้รู้จักเลือกคบเพื่อนที่ดี
ข. ครูแนะวิธีให้นักเรียนเป็นคนดี
ค. แม่ดุว่ารุนแรงเมื่อรู้ว่าลูกหัดสูบบุหรี่
ง. ชมละครโทรทัศน์ส่งเสริมศีลธรรม
ตอบข้อ ง. การขัดเกลาสังคมโดยอ้อม เป็นการขัดเกลาทางอ้อมที่ผู้รับเกิดการเรียนรู้โดยไม่ได้ตั้งใจ เกิดความซึมซับสิ่งที่ดีงามเข้าไปในจิตใจของตนและกลายเป็นค่านิยมที่ดีและพึงประสงค์ เช่น ได้เห็นแบบอย่างการทำความดีของตัวละคร หรือนักร้อง นักแสดงที่ได้รับรางวัล “ ลูกกตัญญู ” เป็นต้น
ทั้งนี้สื่อที่ช่วยให้เกิดการขัดเกลาทางสังคมโดยอ้อม ได้แก่ ข่าวและละครโทรทัศน์ ภาพยนตร์ หนังสือพิมพ์ หนังสือนวนิยาย และรายการวิทยุ รวมทั้งการเข้ากลุ่มกับเพื่อนๆ ที่มีแบบอย่างพฤติกรรมที่ดีงาม